9 สารอาหารเสริมพัฒนาการเด็ก สร้างภูมิคุ้มกันและสมองให้แข็งแรง!

สารอาหารเสริมพัฒนาการเด็ก

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญหลักที่ช่วยเสริมสร้างเด็กให้มีพัฒนาการที่สมวัย รวมถึงการเจริญเติบโตด้านน้ำหนัก และส่วนสูง GED good life จึงขอแนะนำ “9 สารอาหารเสริมพัฒนาการเด็ก” เพื่อให้เด็กเติบโตสมวัย มีภูมิต้านทานแข็งแรง และสติปัญญาที่สมบูรณ์ จะมีอะไรบ้าง มาติดตามต่อกันเลย

9 สารอาหารเสริมพัฒนาการเด็ก

1. โอลิโกฟรุกโตส (Oligofructose)

เป็นใยอาหารจากธรรมชาติ สารสกัดจากพืช มีโมเลกุลใหญ่ ละลายน้ำได้ดีมาก ซึ่งอาจจะเรียกให้ง่ายขึ้นในหลาย ๆ ชื่อ เช่น กากใย ใยอาหาร หรือไฟเบอร์ เป็นต้น มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก (Prebiotic) ช่วยปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ส่งผลดีต่อระบบขับถ่ายของลูก ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น ช่วยลดอาการท้องผูก และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยด้วย

แหล่งอาหารที่มีโอลิโกฟรุกโตส

ผัก ผลไม้ หัวหอม กระเทียม กล้วย หรือจะทานในรูปแบบ วิตามินเสริมสำหรับเด็กที่มีโอลิโกฟรุกโตส ทดแทนได้

อ่านเพิ่มเติม -> รู้จัก โอลิโกฟรุกโตส ใยอาหารประโยชน์แน่นสำหรับลูก

2. ธาตุเหล็ก (Iron)

มีการศึกษาทั่วโลกพบว่าการขาดธาตุเหล็กในวัยทารก จะมีปัญหาต่อสมองโดยเฉพาะด้านเชาว์ปัญญา สมาธิ และปฏิภาณไหวพริบ (Cognitive Function) การขาดธาตุเหล็กยังทำให้มีภาวะโลหิตจาง มีลักษณะซีดกว่าปกติ ทำให้มีการเจริญเติบโตของร่างกายต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย เช่น มีส่วนสูงที่น้อยกว่าเพื่อน ๆ เป็นต้น

โดยปกติทารกที่คลอดครบกำหนดน้ำหนักตัวปกติ จะมีธาตุเหล็กเพียงพอต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของสมองเพียง 4 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นทารกจำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กจากแหล่งอื่น ทารกที่ดื่มนมแม่อย่างเดียวในช่วง 4 เดือนแรก จึงจำเป็นต้องเสริมธาตุเหล็ก โดยอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น เช่น น้ำซุปที่ทำจากเนื้อสัตว์ ตับ หรือผักใบเขียว

แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็ก

แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ไข่แดง ตับ และเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อเป็ด ปรุงสุก

3. ไลซีน (Lysine)

ไลซีนมีความสำคัญ และมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อพัฒนาการของเด็ก การศึกษายืนยันว่าเด็กที่มีระดับกรดอะมิโนในเลือดต่ำมีแนวโน้มที่จะมีการเจริญเติบโตที่แคระแกร็น (dwarfism)

นอกจากช่วยในการเจริญเติบโตแล้ว ไลซีนยังช่วยในการผลิตคาร์นิทีน (Carnitine) ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีหน้าที่เปลี่ยนกรดไขมันให้เป็นพลังงาน และช่วยลดคอเลสเตอรอล ไลซีนช่วยผลิตคอลลาเจน และยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม ซึ่งเด็กต้องการสำหรับกระดูก และฟันที่แข็งแรง

แหล่งอาหารที่มีไลซีน

เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ไก่ ไข่ น้ำนม ถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเหลือง

อ่านเพิ่มเติม -> ไลซีน ในวิตามินเด็ก สำคัญกับลูกวัยเรียนอย่างไร?

สารอาหารเสริมพัฒนาการเด็ก

4. วิตามินเอ (Vitamin A)

วิตามินเอเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างวิตามินเอขึ้นได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ในระหว่างตั้งครรภ์ การเสริมวิตามินเอมีความจำเป็นในการส่งเสริมการเจริญเติบโต และทำให้มีการสะสมวิตามินเอในตับของทารก การขาดสารอาหารนี้ในแม่อาจนำไปสู่การขาดในทารก และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของทารก

วิตามินเอ มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการมองเห็น โดยเฉพาะในแสงสลัว การเจริญเติบโต และทำให้เซลล์ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ อยู่ในสภาวะปกติ มีรายงานพบ อุบัติการณ์เพิ่มขึ้นของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหารในทารก และเด็กเล็กที่มีภาวะขาดวิตามินเอ และเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต

แหล่งอาหารที่มีวิตามินเอ

น้ำมันตับปลา ตับ แคร์รอต ผักสีเหลืองและเขียวเข้ม ผักตำลึง ยอดชะอม คะน้า ยอดกระถิน ผักโขม ฟักทอง มะม่วงสุก บรอกโคลี แคนตาลูป แตงกวา ผักกาดขาว มะละกอสุก ไข่ นม มาร์การีน ผลไม้สีเหลือง เป็นต้น

5. วิตามินดี (Vitamin D)

ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต เด็กที่ขาดวิตามินดี จะส่งผลต่อกระดูก และกล้ามเนื้อ ฟันขึ้นช้า ฟันผุง่าย กระดูกข้อมือ แขน ขา ผิดรูป ตัวเตี้ยไม่สมส่วน ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนได้ง่าย และภูมิแพ้ต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าวิตามินดี มีความสำคัญต่อสุขภาพเด็กมากเลยทีเดียว

เด็กที่อยู่กลุ่มเสี่ยงขาดวิตามินดี ได้แก่ เด็กที่ไม่ค่อยได้สัมผัสกับแสงแดด เด็กที่มีภาวะอ้วน เด็กที่ป่วยด้วยโรคไตเรื้อรัง ทารกและเด็กที่รับประทานอาหารที่มีวิตามินดี เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ไม่เพียงพอ เป็นต้น

แหล่งอาหารที่มีวิตามินดี

แหล่งวิตามินดีที่ดีที่สุด และไม่ต้องเสียเงินเลยคือ วิตามินดีจากแสงแดดยามเช้า แนะนำให้เด็ก ๆ ออกมาวิ่งเล่นยามเช้า เพื่อให้ร่างกายได้รับแสงแดดบ้าง ส่วนแหล่งอื่น ๆ ได้แก่ ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู ปลาซาร์ดีน ไข่ และนมที่มีการเติมวิตามินดี แต่ถ้าหากเราไม่สามารถปรับไลฟ์สไตล์ การรับประทานวิตามินดีในรูปของอาหารเสริม (Vitamin D Supplementation) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับเด็ก

6. วิตามินบี (Vitamin B)

วิตามินบี หรือ วิตามินบีรวม เป็นวิตามินที่รู้กันทั่วไปว่าช่วยบำรุงร่างกาย และระบบประสาท ซึ่งประกอบด้วยวิตามินบีจำนวนหลายชนิด เช่น วิตามินบี1 บี2 บี3 ฯ เป็นต้น วิตามินบีมีประโยชน์สำหรับเด็กในหลายด้านด้วยกัน เช่น ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน เป็นต้น โดยวิตามินบีแต่ละตัวจะทำงานเสริมซึ่งกันและกัน ต้องรับประทานร่วมกันจึงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแยกรับประทาน

แหล่งอาหารที่มีวิตามินบี

ธัญพืช พืชตระกูลถั่ว เมล็ดงา ผักใบเขียว ปลา หอย เนื้อสัตว์ เนื้อไก่ ตับ นม โยเกิร์ต และผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เป็นต้น

7. แร่ธาตุสังกะสี (zinc)

ในเด็กการขาดแร่ธาตุสังกะสีอย่างรุนแรงจะทำให้การเจริญเติบโต และพัฒนาการทางร่างกายบกพร่อง เราสามารถรักษาภาวะขาดสังกะสีได้ด้วยการกินสังกะสีเสริม ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งพบได้ทั้งในรูปแบบเม็ดเดี่ยว ๆ และในเม็ดวิตามินรวม

แหล่งอาหารที่มีสังกะสี

อาหารทะเล หอยนางรม เนื้อสัตว์ เนื้อวัวไม่ติดมันแบบย่าง เนื้อลูกแกะ ตับลูกวัว ไข่ นมผงปราศจากไขมัน มัสตาร์ดแบบแห้ง จมูกข้าวสาลี แป้งงา เนยงา ถั่วลิสง เมล็ดฝักทอง เมล็ดแตงโม เม็ดกวยจี๊ ผงโกโก้ ช็อกโกแลต บริเวอร์ยีสต์ เป็นต้น

8. โคลีน (Choline)

โคลีนถูกจัดอยู่ในกลุ่มวิตามินที่ละลายในน้ำ (Watersoluble vitamins) เป็นสารประกอบที่คล้ายกับ วิตามินบี มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งช่วยควบคุมการทำงานของความจำและการเรียนรู้ โดยเฉพาะในเด็ก ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ และช่วยทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย

แหล่งอาหารที่มีโคลีน

ไข่แดง เนื้อสัตว์ หัวใจ สมอง ตับ ปลา ผักใบเขียว ยีสต์ จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง ถั่วลิสง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เป็นต้น

9. ไอโอดีน (Iodine)

ไอโอดีนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต และกระตุ้นอัตราการเผาผลาญ โดยช่วยร่างกายเผาผลาญไขมันที่มาก สำหรับเด็กที่ขาดไอโอดีนจะส่งผลเสียต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น ความคิดความอ่านช้าลง เชื่องช้า ง่วงซึม น้ำหนักตัวเพิ่ม ร่างกายขนาดพลังงาน หนาวง่าย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเป็นโรคคอพอก

กรมอนามัยแนะ ควรส่งเสริม “ไอโอดีน” ในเด็ก ไม่ใช่แค่กินเกลือ ต้องเน้นฝากท้องเร็ว ให้แม่ได้รับเหล็ก โฟลิก ไอโอดีน ช่วง 6 เดือนแรกไม่ต้องเสริมให้รับผ่านจากนมแม่ ส่วนหลัง 6 เดือนกินอาหารตามวัย ใช้เกลือไอโอดีนได้ไม่ถึง 1 ช้อนชา หรือ 90 ไมโครกรัมต่อวัน

แหล่งอาหารที่มีไอโอดีน

อาหารทะเล เช่น ปลาทะเล สาหร่ายทะเล กุ้ง หอย ปู ปลา, ผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีน เช่น เกลือเสริมไอโอดีน น้ำปลาเสริมไอโอดีน, ผัก เช่น ผักโขม ผักกาดเขียว บร็อคโคลี่


นูโทรเพล็กซ์ โอลิโก พลัส เสริมภูมิต้านทานเด็ก

นูโทรเพล็กซ์ โอลิโก พลัส เสริมภูมิต้านทานเด็ก

NUTROPLEX OLIGO PLUS ( นูโทรเพล็กซ์ โอลิโก พลัส ) วิตามินรวมสำหรับเด็ก ที่มีส่วนผสมของมัลติวิตามิน ใยอาหารธรรมชาติ กระตุ้นการขับถ่าย เสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นูโทรเพล็กซ์ โอลิโก พลัส มี ไลซีน ช่วยเพิ่มความอยากอาหารของเด็ก สำหรับเด็กที่กินน้อย กินยาก ไม่ได้กินอาหารครบหมู่ หรือ ไม่กินผักผลไม้เป็นประจำได้ทุกวัน

นูโทรเพล็กซ์ โอลิโก พลัส เป็นวิตามินรวมสำหรับเด็กตัวเดียวที่มี “ธาตุเหล็ก” ซึ่งมีส่วนเสริมสร้างและพัฒนาสมอง

นูโทรเพล็กซ์ โอลิโก พลัส มี Oligofructose ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น Prebiotic และใยอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยในการปรับสมดุลย์ด้านระบบทางเดินอาหาร และเพิ่มกากใยให้กับระบบทางเดินอาหาร ป้องกันท้องผูกได้ดี

สั่งซื้อ NUTROPLEX OLIGO PLUS ได้ที่นี่

• แอดไลน์ ID : @nutroplexclub
• Inbox Facebook : https://www.facebook.com/nutroplexclub

หรือสั่งซื้อตามร้านขายยาชั้นนำ เช่น Boots, Health up, Fascino, P&F, Pure, Save Drug, D Chain, Tesco (แผนกร้านขายยา), Drug Core, I Care, Drug Square, Ameditec และทาง ออนไลน์ Konvy.com

 

อ้างอิง : 1. รพ. นนทเวช 2. รพ. สินแพทย์ 3. medthai 4. mgronline

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close