gedgoodlife

อาการไอ 2 ประเภท ที่ต้องระวัง!

  ชนิดของอาการไอ ถ้าแบ่งตามระยะเวลาของอาการไอ แบ่งได้ 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ 1. ไอฉับพลัน ระยะเวลาของอาการไอ – น้อยกว่า 3 สัปดาห์ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก – การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หวัด, โพรงไซนัสอักเสบฉับพลัน, คอหรือกล่องเสียงอักเสบ, หลอดลมอักเสบ, อาการกำเริบของโรคถุงลมโป่งพอง, ปอดอักเสบ, การที่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในหลอดลม หรือสัมผัสกับสารระคายเคืองในสิ่งแวดล้อม เช่น ควันบุหรี่, ควันไฟ, กลิ่นสเปรย์, แก๊ส, มลพิษทางอากาศ 2. ไอเรื้อรัง ระยะเวลาของอาการไอ – มากกว่า 3 สัปดาห์ ถึง 8 สัปดาห์ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก – โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง, รับประทานยารักษาความดันโลหิตสูงชนิด angiotensin-converting enzyme inhibitor (ACE-I) เป็นระยะเวลานาน, โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังแล้วมีน้ำมูกไหลลงคอ, โรคหืด, โรคกรดไหลย้อน [gastroesophageal reflux (GERD)], การใช้เสียงมากทำให้เกิดสายเสียงอักเสบเรื้อรัง, เนื้องอกบริเวณคอ กล่องเสียงหรือหลอดลม, โรคของสมองส่วนที่ควบคุมการไอ, โรควัณโรคปอด ผู้ป่วยที่มีอาการไอเรื้อรัง บางรายอาจมีสาเหตุมากกว่าหนึ่งชนิด ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการตรวจหาสาเหตุ และรักษาตามสาเหตุ การรักษาอาการไอ การรักษาที่สำคัญที่สุด คือ การหาสาเหตุของอาการไอ และรักษาตามสาเหตุ ถ้าผู้ป่วยไอจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน หรือล่าง เช่น หวัด หรือหลอดลมอักเสบ และมีอาการไอไม่มากนัก อาจให้การรักษาเบื้องต้น เช่น ยาบรรเทาอาการไอไปก่อนได้ กรณีที่ไอมีเสมหะ เสมหะที่เหนียวข้นมาก จะถูกขับออกจากหลอดลมได้ยากโดยการไอ การให้ ยาละลายเสมหะ จะช่วยให้เสมหะถูกขับออกได้ง่ายขึ้น และบรรเทาอาการไอได้  แต่หากผู้ป่วยได้รับยาดังกล่าวแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์  ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรักษาตามสาเหตุ   อ้างอิง : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ติดหวาน ป่วยแน่ ๆ 10โรคติดหวาน ที่ต้องรู้!

  ฮันนี่โทสต์หวานฉ่ำ ชาเย็นหวานนุ่ม หรือแม้แต่ก๋วยเตี๋ยวที่เทน้ำตาลลงไปจนหวานเจี๊ยบ พฤติกรรมการกินแบบ ติดหวาน เหล่านี้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสังคมไทย ที่นิยมกินหวานกว่าต่างประเทศมาก ทว่า เมื่อระดับน้ำตาลสูงเกินไป จะส่งผลให้อินซูลินทำงานผิดปกติ ทำให้เซลล์เกิดภาวะต้านอินซูลิน และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคมากมาย เมื่อเห็นรายชื่อของโรคเหล่านี้แล้ว ผู้ที่ชื่นชอบของหวานอาจต้องหันกลับมาคิดใหม่ว่า ยังจะกินหวานขนาดนี้อยู่อีกหรือไม่ 10โรคร้าย ที่คน ติดหวาน ต้องรู้! 1. โรคเบาหวาน ภาวะต้านอินซูลินที่รุนแรง จะทำให้ตับอ่อนไม่สามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลงได้ ระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงขึ้น หรือสวิงขึ้นลง จะทำให้คุณเป็นโรคเบาหวานได้ในที่สุด 2. โรคหัวใจ อาหารที่มีน้ำตาลสูง เป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ เพราะน้ำตาลมีผลต่อกระบวนการสูบฉีดของหัวใจ เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว กลูโคส และอินซูลินในกระแสเลือด 3. ไขมันพอกตับ เมื่อตับสังเคราะห์ฟรักโทสให้กลายเป็นไขมันแล้ว ก็จะนำไปเก็บไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่ตับ 4. ไขมันในเลือดสูง เมื่อกินอาหารประเภทแป้ง และน้ำตาลมาก ๆ จะทำให้เกิดการสะสมไตรกลีเซอไรด์ขึ้นในร่างกาย ทำให้ปริมาณไขมันในเลือดสูงขึ้น 5. โรคอ้วน ความหวานจะทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น และไม่รู้สึกอิ่ม ติดหวาน ป่วยแน่ ๆ 10โรคติดหวาน ที่ต้องรู้!

เผย! 10 เคล็ดลับห่างไกลภูมิแพ้ในหน้าฝน

  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ 3. นอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ 4. ฝึกสมาธิ ลดความเครียด วิตกกังวล 5. ดูแลรักษาความสะอาดภายในที่พักอาศัย 6. หลีกเลี่ยงการเผชิญสภาวะอากาศที่รุนแรง 7. งดการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 8. หมั่นล้างโพรงจมูก 9. เลือกใช้ยากที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย 10. เคร่งครัด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่ -> 10 เคล็ดลับ สำหรับคนเป็นภูมิแพ้หน้าฝน ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่ ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่… Facebook : gedgoodlife Nutroplex : nutroplexclub Twitter      : @gedgoodlife Line  เผย! 10 เคล็ดลับห่างไกลภูมิแพ้ในหน้าฝน

“ปัสสาวะเล็ด” ปัญหาน่ารำคาญใจของสาว ๆ

  สาวๆ หลายคนอาจเคยมี หรือกำลังประสบปัญหา ปัสสาวะเล็ด ออกมาขณะไอ จาม หัวเราะ หรือเวลาขยับตัวลุกนั่งทำเอาเดือดร้อนทุกที แถมบางครั้งไปเข้าห้องน้ำก็ยังต้องรอคิวที่ห้องน้ำอีก! บางคนอาจเล็ดนิด ๆ หน่อย ๆ ซึ่งก็ถือว่าแย่พอแล้ว แต่บางคนถึงขั้นต้องใส่แผ่นซับปัสสาวะกันเลยทีเดียว อาการปัสสาวะเล็ด นั้นยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สันนิษฐานกันว่า อาจเกิดจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่พยุงท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะหย่อนยาน ซึ่งเป็นได้จากสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการขาดตัวช่วยพยุงท่อปัสสาวะ เมื่อไอหรือจามแล้วท่อปัสสาวะเปิด จึงทำให้ปัสสาวะเล็ด การคลอดบุตร อายุมาก อ้วน ไอเรื้อรัง หรืออาจเกิดจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไปก็เป็นได้ วิธีรักษา ปัสสาวะเล็ด – ดื่มน้ำตามเวลา เพื่อการถ่ายปัสสาวะเป็นเวลา ซึ่งจะได้ผลกับผู้ที่มีอาการไม่มากนัก วิธีนี้สามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ เช่น การใช้ยาจากแพทย์ร่วมด้วย จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น – ฝึกขมิบช่องคลอด การขมิบจะช่วยให้กล้ามเนื้อรอบช่องคลอดกระชับแข็งแรงขึ้น ต้องทำอย่างสม่ำเสมอนาน 3 – 6 เดือน หากหยุดฝึกก็มีโอกาสกลับไปเป็นซ้ำอีกได้ – ฉีดสารลดขนาดท่อปัสสาวะ โดยฉีดสารในการรักษาบางชนิดบริเวณด้านนอกท่อปัสสาวะ จะช่วยให้ปัสสาวะเล็ดน้อยลงจนถึงไม่เล็ดเลย แต่ในบางรายอาจต้องฉีดสารซ้ำ “ปัสสาวะเล็ด” ปัญหาน่ารำคาญใจของสาว ๆ

6 อาการเตือนภูมิแพ้ฤดูฝน | Ged Good Life ชีวิตดีดี

  1. จามบ่อยหลังตื่นนอน 2. ตาบวม คันตา น้ำตาไหล 3. มีผื่นแดง คันตามร่างกาย 4. คัดจมูก น้ำมูกใส แต่ไม่มีไข้ 5. แน่นจมูก หายใจลำบาก 6. หอบหืดกำเริบ ไซนัสอักเสบ ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่… Facebook : gedgoodlife Nutroplex : nutroplexclub Twitter      : @gedgoodlife Line          : @gedgoodlife Youtube   : gedgoodlife ชีวิตดีดี TikTok      : @gedgoodlife

กินมื้อดึก ระวังปัญหาสุขภาพให้ดี! พร้อมอาหารที่ควรเลี่ยง และ ควรเลือกกินยามดึก

  มื้อดึก เป็นมื้อที่หลายคนพลาดไม่ได้ ต้องกินทุกวัน แต่รู้หรือไม่ว่า เราไม่ควรรับประทานอาหารก่อนเข้านอนเป็นเวลา 4 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อป้องกันน้ำหนักส่วนเกิน และโรคต่าง ๆ เช่น กรดไหลย้อน นอนไม่หลับ เป็นต้น งั้นมาดูกันว่า กินมื้อดึก ส่งผลกระทบสุขภาพยังไงบ้าง แล้วถ้าหิวยามดึกขึ้นมา ควรกินอะไรดี ไม่ให้ทำลายสุขภาพจนเกินไป! กินมื้อดึก อาจเป็นสัญญาญโรค ดังต่อไปนี้ 1. ละเมอกิน กินในเวลาที่ไม่ควรกิน ละเมอกินตอนนอน ห้ามตัวเองไม่ได้ เมื่อกินบ่อย และหนักเข้าจะกลายเป็นโรคติดกินดึก (Night eating syndrome) บางรายถึงขั้นต้องลงมาค้นของในตู้เย็นกลางดึกบ่อย ๆ ห้ามตัวเองไม่ได้ มีความอยากอาหารตอนดึกสูงมาก พอกินไปแล้วก็จะรู้สึกผิดซ้ำซ้อน และไม่ยอมกินตอนเช้า แคลอรี่ที่กินไปจะอยู่ที่มื้อดึก 2. นอนไม่หลับ ป่วยใจ แบกความเครียด กระเพาะอาหารทำงานย่อยในตอนกลางคืน กระเพาะจะบีบตัวเพื่อจัดการกับอาหารนั้น ทำให้อึดอัด นอนไม่หลับ 3. โรคอ้วน หากกินอาหารที่ให้ “พลังงานสูง” แต่ “คุณค่าต่ำ” กินมื้อดึก ระวังปัญหาสุขภาพให้ดี! พร้อมอาหารที่ควรเลี่ยง และ ควรเลือกกินยามดึก

อาการปวดท้องแบบไหน ที่ควรรีบพบแพทย์!

  1. ปวดท้องนานเกิน 6 ชั่วโมง และมีไข้ร่วมด้วย! (มีไข้เรื้อรัง 37.5 – 38 องศาเซลเซียส ตลอดเวลา) 2. ปวดท้องจนกินไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ! 3. ปวดท้องร่วมกับอาเจียนหนัก มากกว่า 3-4 ครั้ง (อาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้) 4. ปวดท้องมากขึ้นเมื่อขยับตัว 5. ปวดร่วมกับเลือดออกมาจากช่องคลอด 6. ปวดบริเวณท้องน้อยฝั่งขวา (เป็นตำแหน่ง ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก) อ่านเพิ่มเติม -> 6 อาการปวดท้อง ที่ต้องรีบพบแพทย์ พร้อมชี้! สาเหตุ และวิธีป้องกัน ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่ ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่… Facebook อาการปวดท้องแบบไหน ที่ควรรีบพบแพทย์!

6 สูตรลดน้ำหนักเร่งด่วน ต้อนรับปีใหม่!

  ช่วงใกล้สิ้นปี เข้าสู่ปีใหม่แบบนี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการพบปะสังสรรค์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายพบลูกค้าเพื่อสวัสดีปีใหม่ งานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงฉลองปีใหม่ทั้งแบบส่วนตัวในหมู่เพื่อน ๆ และงานของบริษัท ต่างก็มาสุมกันอยู่ในช่วงเวลานี้เอง สาว ๆ ส่วนใหญ่จึงต้องแต่งตัวสวยกันบ่อยเป็นพิเศษ แน่นอนว่า พื้นฐานของความสวยนั้นมาจากรูปร่างที่ดี วันนี้เราจึงขอแนะนำ 6 สูตรลดน้ำหนักเร่งด่วน ที่ช่วยให้คุณผอมสวยรับปีใหม่แบบง่าย ๆ แต่ไม่ทำลายสุขภาพมาฝากกัน! 6 สูตรลดน้ำหนักเร่งด่วน 1. ดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น! คนเราทุกวันนี้อ้วนขึ้น เพราะบริโภคน้ำหวานกันเกินความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นน้ำปั่นเมนูดังต่าง ๆ ตามโลกโซเชี่ยล หรือเมนูยอดฮิตอย่าง ชาเชียว ที่มีให้เลือกซื้อทุกมุมถนน โดยเมนูเหล่านี้ ล้วนแต่ให้พลังงานสูงไม่ต่ำกว่า 2-300 แคลลอรี่ทั้งนั้น การตัดเครื่องดื่มพวกนี้ออกจากชีวิตของคุณในช่วงลดน้ำหนักเร่งด่วนนี้ แล้วดื่มแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว แต่ถ้าการดื่มน้ำเปล่ามันน่าเบื่อเกินไป คุณก็สามารถหยดน้ำมะนาว หรือใส่ใบมินต์เติมลงไปเพื่อเพิ่มความสดชื่อได้ 2. ดื่มกาแฟดำก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง แน่นอนว่าต้องเป็นกาแฟดำ หรืออย่างน้อยก็เป็นกาแฟที่แคลอรี่ต่ำไร้ไซรัป คาเฟอีนในกาแฟจะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นกระตุ้นการเผาผลาญอาหาร ทั้งนี้ ไขมันจะถูกนำออกมาใช้ต่อเมื่อมีการออกกำลังกายต่อเนื่องนานเกินครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงขึ้นไป 3. นอนหลับนานขึ้นคืนละ 30 นาที ไม่ว่าคุณจะนอนวันละกี่ชั่วโมงก็ตาม เวลา 30 6 สูตรลดน้ำหนักเร่งด่วน ต้อนรับปีใหม่!

มีเสมหะเยอะ ต้องลองนี่เลย! 6 อาหารช่วยลดเสมหะเหนียวข้น

  1. กระเทียม (Garlic) 2. ขิง (Ginger) 3. พริก (Chili pepper) 4. น้ำผึ้งมะนาว (Honey lemon) 5. สับปะรด (Pineapple) 6. หัวหอม (Onion) อ่านเพิ่มเติม -> 6 อาหารช่วยลดเสมหะเหนียวข้น บรรเทาไอ ที่แพทย์แนะนำ!   ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่ ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่… Facebook : gedgoodlife Nutroplex : nutroplexclub Twitter      : @gedgoodlife Line        มีเสมหะเยอะ ต้องลองนี่เลย! 6 อาหารช่วยลดเสมหะเหนียวข้น

เช็คดวงสุขภาพ ปี2561 ทั้ง 12 ราศี

  ชะตาชีวิตของคนเรามักจะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี วันนี้ Ged Good Life จึงขอแนะแนวทางในการเสริม ดวงสุขภาพ เพื่อให้ท่านมีสุขภาพที่ดีตลอดปี 2561 ดวงสุขภาพ ทั้ง 12 ราศี ประจำปี 2561 ดูดวงสุขภาพ ของคนปีชวด(หนู) ในช่วงต้นปี 2561 คนเกิดปีหนูจะมีปัญหาผื่นแพ้ หรืออาการแพ้บริเวณผิวหนังชั้นนอก มีอาการผื่นแดง คัน อักเสบ หากเป็นไม่มากรีบหายาทา กินยาแก้แพ้ แต่ถ้าเกิดลุกลามไม่หยุดควรรีบพบแพทย์ ในช่วงกลางปีจะมีปัญหาสุขภาพ ที่เกิดจากเรื่องเครียดๆ ซึ่งต้องอาศัยความอดทนเท่านั้น รอให้ทุกอย่างคลี่คลายไปเอง บางเรื่องต้องทำใจ บางเรื่องก็ต้องปลงๆ เสียบ้าง …ท่องไว้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จะช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ ดูดวงสุขภาพ ของคนปีฉลู(วัว) คนเกิดปีวัว จะมีสุขภาพที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะช่วงต้นปี เรียกว่า คึกคัก เลยดีกว่า สาเหตุเกิดจากช่วงปีก่อน คุณดูแลตัวเองอย่างดี ปีที่ผ่านมาคุณเป็นคนรักสุขภาพ และปฏิวัติตัวเองอย่างจริงจัง ดูดวงสุขภาพ ของคนปีขาล(เสือ) ชาวเสือ มีปัญหาสุขภาพพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องการกินอาหาร เมนูที่ชาวเสือโปรดปราน มักเป็นอาหารพวกเนื้อสัตว์ เช็คดวงสุขภาพ ปี2561 ทั้ง 12 ราศี

3 ข้อสงสัยยอดฮิตในหน้าฝน ที่คนมักเข้าใจกันผิดๆ!

  3 ข้อสงสัยยอดฮิตในหน้าฝน ที่คนมักเข้าใจกันผิดๆ! 1. ตากฝนทำให้เป็นหวัด? การตากฝนไม่ทำให้เป็นหวัด แต่เชื้อไวรัสที่มากับฝน คือตัวการทำให้เป็นหวัด 2. กินยาดักเมื่อโดนฝน? ไม่ควร! และอาจอันตรายต่อสุขภาพได้ ควรกินยาบรรเทาหวัด ลดไข้ เมื่อมีอาการแล้ว 3. กินยาปฏิชีวนะ รักษาหวัด? ไม่ควรกินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาไข้หวัด! เพราะไข้หวัดส่วนใหญ่แล้วเกิดจากเชื้อไวรัส ควรกินยาบรรเทาหวัด ลดไข้ ดีกว่า 4 วิธีรับมือกับหน้าฝน เพื่อสุขภาพดีดีห่างไกลหวัด และโรคร้าย 1. ไม่ตากฝน หรือลุยน้ำท่วม 2. พกร่ม และเสื้อกันฝน 3. ระวัง! อย่าให้โดนยุงกัด 4. กินยาบรรเทาหวัด ลดไข้ เมื่อมีอาการ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่

7 วิธี รับมือ “แห้ง แตก ลอก” ปัญหาผิวสุดฮิตในหน้าหนาว

  อากาศหนาวแม้จะดีต่อใจ แต่ไม่ดีต่อผิวของคุณเลย เมื่อลมหนาวมาเยือน ความชื้นในอากาศก็จะลดลงไปด้วย ทำให้ผิวของคุณ แห้ง แตก ลอก และหากไม่มีการดูแลที่เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบได้ ปัญหาผิว หน้าหนาวเหล่านี้ แม้ว่าการทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ จะช่วยได้ แต่หากคุณต้องการให้ผิวของคุณดูเนียนนุ่มเปล่งปลั่งด้วยแล้วละก็ ยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่านั้นอีก 7 วิธี รับมือ “แห้ง แตก ลอก” ปัญหาผิวสุดฮิตในหน้าหนาว 1. อย่าอาบน้ำร้อน การอาบน้ำร้อน ในวันที่อากาศหนาวนั้นให้ความรู้สึกที่ดีมาก แต่มันก็เป็นการชำระล้างน้ำมันเคลือบผิวตามธรรมชาติของคุณออกไปด้วย ใช้น้ำอุ่นนิด ๆ ก็พอแล้ว 2. ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำ หลังอาบน้ำเสร็จควรทาเบบี้ออยล์ก่อน แล้วลูบให้ทั่วตัวยกเว้นหน้า จากนั้นเช็ดตัวให้แห้ง แล้วชโลมครีมทาผิวให้ทั่วทั้งตัว วิธีนี้จะทำให้รู้สึกสดชื่นที่ผิวมาก และยังสร้างความชุ่มชื้นได้ดีมากเช่นกัน 3. เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับผิวของคุณ ราคาไม่ใช่เรื่องสำคัญ และแบรนด์ชื่อดังก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ดีที่สุดสำหรับผิวคุณเสมอไป เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผิวของคุณตอบสนองได้ดีที่สุดจะดีกว่า โดย 4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวมากขึ้นไปอีก ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่คุณใช้ได้ดีในฤดูอื่น อาจไม่ชุ่มชื้นเพียงพอในฤดูหนาว เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมวัตถุดิบจากธรรมชาติ และให้เลือกแบบผสมน้ำมันแทนแบบผสมน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวยิ่งขึ้นไปอีก แต่ต้องเลือกอย่างระมัดระวังด้วยนะ โดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 7 วิธี รับมือ “แห้ง แตก ลอก” ปัญหาผิวสุดฮิตในหน้าหนาว

เมื่อมีอาการ “ภูมิแพ้กำเริบหน้าฝน” ควรดูแลตัวเองยังไงดี?

  อาการภูมิแพ้กำเริบในหน้าฝน จามบ่อยเมื่อฝนตก คัดแน่นจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก คันตา น้ำตาไหล มีผื่นคันตามผิวหนัง อาจมีโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น โรคไซนัส นอนกรน เป็นต้น วิธีดูแล – รักษาอาการภูมิแพ้ หลีกเลี่ยงการตากฝน และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ทำร่างกายให้อบอุ่นเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ ไม่เปิดแอร์เย็นจนเกินไป กินยาแก้แพ้ ที่มีตัวยาลอราทาดีน ไม่ทำให้ง่วงนอน (หรือง่วงน้อยในผู้ป่วยบางราย) อ่านเพิ่มเติมเรื่องภูมิแพ้ในหน้าฝน คลิก! ระวัง! เชื้อราหน้าฝน ทำป่วยภูมิแพ้และโรคผิวหนังได้ พร้อมแนะ! เคล็ดลับกำจัดเชื้อราในบ้าน เผย! 10 เคล็ดลับห่างไกลภูมิแพ้ในหน้าฝน 4 อาการแพ้ที่มักมากับสายฝน พร้อมวิธีการดูแลแบบผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่ ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ เมื่อมีอาการ “ภูมิแพ้กำเริบหน้าฝน” ควรดูแลตัวเองยังไงดี?

“โรคไอกรน” โรคที่พ่อแม่ต้องรู้ อันตรายถึงชีวิตลูกน้อย!

  โรคไอกรน (Pertussis , whooping cough) ชื่อโรคที่ฟังดูเหมือนอาการนอนหลับธรรมดานี้ แท้จริงแล้วเป็นโรคที่มีความเสี่ยงและอันตรายเป็นที่สุด โดยเฉพาะในเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 7 ปี ซึ่งหากรักษาไม่ทันหรือเกิดโรคแทรกซ้อน อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ทีเดียว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม วันนี้เราจึงได้นำลักษณะอาการและการป้องกันโรคไอกรน เบื้องต้นมาฝากกัน ไอกรน คือโรคอะไร? ไอกรน คือ โรคที่ผู้ป่วยมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เยื้อบุทางเดินหายใจอักเสบ และเกิดอาการไอ สามารถติดต่อได้ทาง การหายใจ น้ำมูก และน้ำลาย ลักษณะของโรคนั้นแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ • ระยะน้ำมูกไหล อาการแรกเริ่มคล้ายกับโรคหวัด คือ มีน้ำมูกไหล จาม เบื่ออาหาร อาจมีไข้ต่ำ ๆ ร่วมด้วย ระยะนี้จะกินเวลา 10-14 วัน • ระยะไอติดต่อกันเป็นพัก ๆ เป็นระยะที่ต่อเนื่องจากน้ำมูกไหล คือ มีการไอถี่ ๆ ประมาณ 5-15 ครั้ง ต่อเนื่องกันเป็นชุด จนผู้ป่วยหายใจเข้าไม่ทัน จึงตามมาด้วยการหายใจเข้าอย่างแรงจนเกิดเป็นเสียงดัง “วี๊ด” ซึ่งหากเกิดในเด็กเล็กอาจหายใจไม่ทันจนเกิดอาการหน้าเขียวได้ ในระยะนี้กินเวลาประมาณ 10-14 “โรคไอกรน” โรคที่พ่อแม่ต้องรู้ อันตรายถึงชีวิตลูกน้อย!

เช็กอาการ! ผู้ป่วยโควิด 3 สี เขียว เหลือง แดง แตกต่างกันยังไงบ้าง?

  ผู้ป่วยสีเขียว อุณหภูมิ 37.5 องศาขึ้นไป เจ็บคอ ไม่ได้กลิ่น-ไม่รู้รส ไอ มีน้ำมูก มีผื่น ถ่ายเหลว ตาแดง ผู้ป่วยสีเหลือง แน่นหน้าอก เวียนหัว อ่อนเพลีย หายใจลำบาก ไอแล้วเหนื่อย ปอดอักเสบ ถ่ายเหลว 3 ครั้ง/วัน หรือมากกว่า อาการแทรกซ้อนจากโรคประจำตัว ผู้ป่วยสีแดง หอบเหนื่อยหนัก แน่นหน้าอก หายใจเจ็บ อ่อนเพลีย ตอบสนองช้า ไม่รู้สึกตัว อ้างอิง : กรมควบคุมโรค #อินโฟกราฟิก #อินโฟกราฟิกเพื่อสุขภาพ #อินโฟกราฟิกโควิด #อินโฟโควิด #อินโฟสุขภาพ #อินโฟกราฟิกไข้หวัด #อินโฟ #infographic #healthinfographic ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่ ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น เช็กอาการ! ผู้ป่วยโควิด 3 สี เขียว เหลือง แดง แตกต่างกันยังไงบ้าง?

555 หัวเราะลั่นๆ…ช่วยล้างโรค

  จากคำกล่าวที่ว่า “หัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใส” คงไม่ใช่แค่คำโม้ซะแล้ว เพราะ การหัวเราะนั้นมีประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพกายและใจ ถ้าไม่อยากป่วยละก็ ต้องหันมา หัวเราะ ให้บ่อยขึ้นแล้วล่ะ หัวเราะ ยาอายุวัฒนะที่ถูกที่สุดในโลก นอกจากเสียงหัวเราะจะทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นแล้ว การหัวเรายังช่วยรักษาโรคบางอย่างได้ด้วย ถือเป็นวิธีดูแลทั้งร่างกาย และจิตใจที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่คุณหัวเราะร่างกายทุกส่วนก็จะทำงานดีขึ้น อย่างที่ยาตัวไหนในโลกก็ให้คุณไม่ได้ • สมอง ฮอร์โมนแห่งความสุขอย่างเอ็นดอร์ฟิน ที่ร่างกายปล่อยออกมาเมื่อคุณหัวเราะเป็น ‘เพชฌฆาตความเจ็บปวด’ ซึ่งส่งผลให้คุณอารมณ์ดี และสมองก็จะถูกกระตุ้นให้มองโลกในแง่ดี คิดอะไรในเชิงบวกและสร้างสรรค์ จึงทำให้ความเครียด ไมเกรน หรือโรคซึมเศร้าหายไป แถมความทรงจำยังดีขึ้นด้วย • การหายใจ และระบบไหลเวียนโลหิต ระหว่างที่หัวเราะ ร่างกายจะมีการหายใจเข้า กลั้นหายใจ และหายใจออก จึงทำให้เราห่างไกลจากโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ นอกจากนี้ เมื่อร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น อาการปวดหัว เวียนหัว เหนื่อยง่าย และใจสั่นก็จะกลายเป็นเรื่องไกลตัว • ระบบย่อยและขับถ่าย เวลาหัวเราะ อวัยวะในช่องท้องอย่างลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ตับ ไต ไส้ กระเพาะ จะมีการเคลื่อนไหว จึงทำให้การย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น จึงช่วยป้องกันโรคอ้วน บูลิเมีย ท้องผูก เบื่ออาหาร แถมยังเป็นการกระชับหน้าท้องไปในตัวด้วย • ผิวพรรณ เมื่อเราหัวเราะ 555 หัวเราะลั่นๆ…ช่วยล้างโรค

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยจดจำข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้เข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลการลงทะเบียนหรือ log in ข้อมูลการตั้งค่าหรือตัวเลือกที่ท่านเคยเลือกไว้บนเว็บไซต์ เช่น ภาษาที่แสดงบนเว็บไซต์ ที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า เพื่อให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องให้ข้อมูลหรือตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจใช้งานเว็บไซต์ได้ไม่สะดวกและไม่เต็มประสิทธิภาพ
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เเละด้านฟังก์ชั่น

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถวัดผล ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาสินค้า/บริการและเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ประเมิน และพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้โฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหา สินค้า/บริการ และ/หรือ โฆษณาที่เหมาะสมกับความสนใจของท่านได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจได้รับข้อมูลและโฆษณาทั่วไปที่ไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    Cookies Details

Save