ระวัง! อาหารเป็นพิษ มีฤทธิ์ถึงตายได้ เช็กอาการที่ต้องพบแพทย์ด่วน!

อาหารเป็นพิษ

อาหารเป็นพิษ (Food poisoning) เป็นโรคที่เกิดจากการบริโภคอาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่ปนเปื้อนสารพิษและเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย สามารถพบได้ทุกช่วงเวลาของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฤดูร้อนที่อุณหภูมิค่อนข้างสูง ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงจากการเตรียมอาหารทิ้งไว้

อาหารเป็นพิษจัดเป็นโรคที่พบได้ในทุกเพศ ทุกวัย แต่มักพบในเด็ก ๆ เนื่องจากกระบวนการเตรียมอาหารกลางวันของโรงเรียน และสามารถเป็นโรคติดต่อได้ ซ้ำยังเกิดการระบาดให้เห็นอยู่เป็นประจำอีกด้วย ในรายที่เป็นรุนแรงถ้าส่งรักษาไม่ทัน อาจถึงแก่ชีวิตได้

สารพิษหลายชนิดทนต่อความร้อน ถึงแม้จะปรุงอาหารให้สุกแล้ว สารพิษก็ยังคงอยู่ และก่อให้เกิดโรคได้ ระยะฟักตัวขึ้นกับชนิดของเชื้อโรค บางชนิดมีระยะฟักตัว 1-8 ชั่วโมง บางชนิด 8-16 ชั่วโมง บางชนิด 8-48 ชั่วโมง

อาหารเป็นพิษ

อาหารเป็นพิษ มีอาการอะไรบ้าง?

  • ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
  • อาจมีปวดกระเพาะอาหารและลำไส้อื่น ๆ ร่วมด้วย
  • อาจมีไข้สูง หนาวสั่น
  • ปวดเมื่อย
  • อาจมีผื่นขึ้น
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง

ความรุนแรงของอาการ

  • ในรายที่เป็นเล็กน้อย มักจะหายได้เอง ภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • ในรายที่เป็นรุนแรง เมื่อได้รับสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือ น้ำเกลือ (ทางหลอดเลือดดำ) ก็มักจะป้องกันภาวะแทรกซ้อน และหายได้ภายใน 2-3 วัน (ไม่เกิน 1 สัปดาห์)
  • ส่วนในรายที่เป็นรุนแรง และขาดการรักษาด้วยการทดแทนน้ำ และเกลือแร่ ก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำถึงขั้นอันตรายได้ภายใน 1-2 วัน

8 ประเภทอาหาร ที่เสี่ยงต่อการเกิด อาหารเป็นพิษ

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้กล่าวถึง อาหาร 8 ประเภท ที่มักทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ไว้ดังนี้

  1. อาหารสด สุก ๆ ดิบ ๆ หรือผ่านความร้อนไม่เพียงพอ
  2. อาหารที่มีรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือเค็มจัด
  3. อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง ที่พบว่ามีรอยบุบ รอยรั่ว หรือขึ้นสนิม
  4. อาหารที่ผลิตหรือปรุงไม่สะอาดเพียงพอ เช่น ใช้เขียงหั่นเนื้อสัตว์สดกับผักลวกร่วมกัน
  5. อาหารที่มีแมลงวันตอม
  6. อาหารที่ปรุงสุกตั้งแต่เช้า โดยไม่มีการอุ่นร้อน
  7. อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนผสมแล้วปรุงทิ้งไว้นานหลายชั่วโมง
  8. น้ำแข็งที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน

การรักษาและดูแลตัวเอง เมื่ออาหารเป็นพิษ

โดยปกติอาการดังกล่าวจะหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยให้รักษาตามอาการ ดังต่อไปนี้

  • การป้องกันภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่ คือสิ่งสำคัญที่สุด หมั่นจิบน้ำ หรือจิบน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
  • หากปวดท้อง หรือ คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ควรทานอาหาร หรือดื่มน้ำ เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น
  • งดอาหารเผ็ด-เปรี้ยวจัด อาหารประเภทนม ผลไม้ อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารหมักดอง
  • ไม่ควรกินยาหยุดถ่าย เนื่องจากเป็นขั้นตอนสำคัญในการขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • เมื่ออาการบรรเทาลง ช่วงแรกควรทานอาหารอ่อน ๆ หรืออาหารรสจืดประเภทน้ำเป็นหลัก
  • ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว หากแพทย์ไม่ได้สั่งให้จำกัดการดื่มน้ำ
  • พักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูจากความอ่อนเพลีย

อาหารเป็นพิษ

หากมีอาการรุนแรง หรือมีอาการอาหารเป็นพิษจากสาเหตุข้างล่างนี้ ให้รีบพบแพทย์ใน 24 ชั่วโมง

  • มีอาการอาหารเป็นพิษหลังกินเห็ด หรืออาหารทะเล เนื่องจากมักมีสารพิษที่รุนแรง
  • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง
  • ท้องเสียรุนแรง แต่ดื่มน้ำไม่ได้ ไม่มีปัสสาวะ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากการขาดน้ำ
  • ท้องเสียเกิน 3 วัน แม้ว่าอาการจะทุเลาลงแล้ว
  • มีไข้สูงผิดปกติ
  • อุจจาระเป็นเลือด

จะป้องกันอาหารเป็นพิษได้อย่างไรบ้าง?

  • ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยควรเลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ และล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหาร
  • ดูแลอุปกรณ์ทำอาหาร และวัตถุดิบให้สะอาดอยู่เสมอก่อนทำอาหาร
  •  ควรเก็บแยกอาหารสดจากอาหารอื่น ๆ ในภาชนะที่ปิดมิดชิด
  • หากต้องละลายอาหารสดที่แช่แข็ง ควรละลายด้วยไมโครเวฟ เนื่องจากการตั้งทิ้งไว้ หรือ แช่น้ำ จะเป็นการเพิ่มปริมาณเชื้อโรคจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ

 

อ้างอิง : 1. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 2. รพ.ราชวิถี

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close