จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นที่โคราช หรือการกราดยิงตามสถานที่ต่าง ๆ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน สามารถสร้างความเครียดให้กับทั้งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และผู้ที่ติดตามข่าวสารจากเหตุการณ์นั้นอย่างต่อเนื่องได้ จนอาจต้องเผชิญกับโรคที่ทางการแพทย์เรียกว่า โรค "PTSD" หรือ "โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง"
ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์สะเทือนขวัญล่าสุด ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องสะเทือนใจอย่างหนัก จากรณีที่มีทหารเข้าไปกราดยิงในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
และด้วยเหตุการณ์ที่ดำเนินต่อเนื่องนานกว่า 15 ชั่วโมง ส่งผลให้ทั้งเหยื่อที่ติดอยู่ในสถานที่ และเวลาดังกล่าว รวมถึงผู้ที่ติดตามข่าวสารของเหตุการณ์ ต่างก็ต้องเผชิญกับความกังวล และความตึงเครียด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพจิตของทุกคน และเมื่อเหตุการณ์ได้ผ่านพ้นไป หลายคนก็ต้องเผชิญหน้ากับ โรคเครียด หลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง ที่ไม่ต่างอะไรไปจากความทรมานซ้ำสอง
หลังจากพบกับเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจอย่างฉับพลันรุนแรง หากคุณฝันร้ายในเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนกระทบกับการนอนหลับพักผ่อน ทำให้ต้องจมอยู่กับความทุกข์ นี่ก็อาจเป็นสัญญาณว่า คุณกำลังเผชิญหน้ากับ โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง หรือ Post-Traumatic Stress Disorder ที่เรียกกันอย่างย่อ ๆ ว่า โรค PTSD
โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง จัดอยู่ในกลุ่มอาการความผิดปกติทางจิต อาการหนึ่ง โดยเกิดจากการผ่านประสบการณ์ที่ทำให้ตกใจ หวาดกลัว หรือเสียใจอย่างหนัก มักเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดขึ้น หรือเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
ผู้ป่วยจะฝังใจจดจำสถานการณ์ และความรู้สึกที่เจ็บปวดนั้นเอาไว้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไป ก็ยังคงมีความรู้สึกด้านลบ และนึกถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่ ไม่ว่าจะมีสิ่งเร้ามากระตุ้นหรือไม่ก็ตาม ซึ่งส่งผลให้เกิดความเครียด ที่นำไปสู่ปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันได้
โดยทั่วไปแล้ว สถานการณ์ที่เป็นปัจจัย ที่อาจทำให้เกิดโรค PTSD ได้ คือ
อาการป่วยทางจิต จากภาวะเครียดที่เจอเหตุการณ์สะเทือนใจ จะแสดงอาการออกมา 2 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 ระยะทำใจ หรือโรคเอเอสดี (ASD - Acute Stress Disorder) หรือโรคเครียดเฉียบพลัน ซึ่งจะเกิดอาการเครียดแบบเฉียบพลัน หรือประมาณช่วง 1 เดือนแรกหลังเกิดเหตุการณ์ อาจทำให้เกิดอาการทางประสาทได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะ ASD สามารถหายเองได้ หรืออาจไม่แสดงอาการใด ๆ เลยในเดือนแรก แต่ป่วยด้วย PTSD ในเวลาต่อมา หรือป่วยด้วย ASD ติดต่อกันนานเกิน 1 เดือน และยังไม่หาย ก็สามารถจะกลายเป็น PTSD ในภายหลังได้เช่นกัน
ระยะที่ 2 โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง หรือ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ซึ่งระยะที่เกิดอาการ อาจยาวนานหลายเดือน และอาจยืดเยื้อได้เป็นปี ๆ ซึ่งอาการที่สามารถสังเหตุได้ของระยะนี้ คือ
ผู้ที่รอดตายจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น ภัยพิบัติ น้ำท่วม แผ่นดินไหว หนีจากคนที่ตามมาทำร้าย จะรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นกำลังจะเกิดขึ้นอีก รู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นขึ้นมาเอง และตกใจกลัว (Flash back) หรือเห็นภาพนั้นทุกครั้งที่หลับตา เช่น รู้สึกเหมือนพื้นสั่นไหว คล้ายกับแผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลา หรือฝันร้ายถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหตุการณ์ที่ทำให้เราหวาดกลัว จะทำให้เรารู้สึกตื่นตัวช่วงระยะหนึ่ง แต่สำหรับผู้ป่วย โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง นั้น แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปแล้ว แต่ร่างกายก็ยังคงตื่นตัวอยู่ ทำให้รู้สึกกระวนกระวาย ใจสั่น ตกใจง่าย สะดุ้งง่าย ผุดลุกผุดนั่ง ไม่มีสมาธิ เครียดง่ายแม้จะกับเรื่องทั่วไป บางรายอาจระแวดระวังตัวเกินกว่าเหตุ นอนหลับยาก หรือมีอาการทางกายอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็ว มีความตึงกล้ามเนื้อสูง คลื่นไส้ ท้องร่วง เป็นต้น
หลายคนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูด หรือนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้หวาดกลัว เช่น ประสบภัยพิบัติมา จึงไม่กล้าดูข่าวลักษณะนี้ หรือบางคนขับรถชนคนตาย จึงไม่กล้าขับรถอีก ไม่กล้าว่ายน้ำเพราะเคยจมน้ำ หรือไม่กล้าไปในสถานที่ประสบเหตุ เพราะรู้สึกกระวนกระวาย
ในทางตรงกันข้าม บางคนอาจดูสิ่งเหล่านี้ได้แต่ไร้ความรู้สึก กลายเป็นคนเฉยชา ไม่ร่าเริงเหมือนเคย รู้สึกห่างเหินหรือแปลกแยกจากผู้อื่น บางรายอาจจำเหตุการณ์สำคัญ ๆ ขณะเกิดเหตุไม่ได้ ซึ่งอาการลักษณะนี้ เป็นกลไกทางจิต ที่ช่วยให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงที่จะต้องเผชิญกับความรู้สึกกลัว ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้น
นอกจากนี้ ผู้ที่เป็น PTSD ยังอาจมีอาการอื่น ๆ ได้อีก เช่น ซึมเศร้า โทษตัวเอง รู้สึกผิดที่หนีเอาตัวรอด หรือรู้สึกผิดที่มีชีวิตรอด (Survivor guilt) วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ ดื่มเหล้าเบียร์มากกว่าเดิมเพื่อดับความกระวนกระวายใจ หงุดหงิดง่าย ทำร้ายตัวเอง หรือพยายามฆ่าตัวตาย
ผู้ที่ประสบเหตุการณ์ร้ายแรง ไม่จำเป็นต้องเป็น PTSD ทุกคน โดยจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว ราว 20% ของผู้ประสบภัย มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้ หากปรับตัวได้เร็วหลังเกิดเหตุ ก็อาจมีอาการผิดปกติทางจิตใจแค่ช่วงสั้น ๆ แล้วหายเป็นปกติ ซึ่งจะไม่ถือว่าป่วย PTSD แต่ถ้ามีอาการนานเกิน 1 เดือนแล้วยังไม่หาย ก็ถือได้ว่าป่วยเป็น PTSD
ซึ่งกลุ่มคนที่มีแนวโน้มป่วยจะเป็น PTSD ได้ง่าย หลังเกิดเหตุร้ายแรง ได้แก่
โรค PTSD สามารถรักษาได้ 2 วิธี คือ รักษาด้วยวิธีทางจิตวิทยา ซึ่งเป็นการทำพฤติกรรมบำบัด เพื่อช่วยให้จิตใจของผู้ป่วยสงบลง และอีกวิธีหนึ่งคือ การรักษาด้วยยา โดยจิตแพทย์อาจให้ยาในกลุ่มยาแก้ซึมเศร้าร่วมด้วย หากการรักษาด้วยจิตบำบัดไม่ได้ผล
นอกจากนี้ ยังมีการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น สะกดจิต จิตบำบัด หรือ Group therapy ที่ให้ผู้ป่วยมาพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ป่วยอื่น ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน
หากคุณคือผู้ที่ประสบเหตุรุนแรงมา แล้วมีอาการดังที่บอกข้างต้น นอกจากการเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์แล้ว สิ่งที่คุณควรทำก็คือ
ครอบครัว และคนรอบข้าง คือส่วนสำคัญที่ช่วยให้การบำบัดรักษาโรค PTSD ได้ผลดีขึ้น หากคุณมีคนใกล้ตัว ที่ป่วยเป็น PTSD สิ่งที่คุณควรทำ คือ
ปรึกษา ปัญหาสุขภาพจิต โทร 1323
ถามหมอออนไลน์ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี