กรดไหลย้อนเกิดจากอะไร สาเหตุ อาการและพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง

27 มิ.ย. 24

โรคกรดไหลย้อน (GERD) เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการ แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และระคายเคืองคอ พฤติกรรมบางอย่าง เช่น การกินอาหารมื้อดึก หรือดื่มแอลกอฮอล์ อาจกระตุ้นให้อาการรุนแรงขึ้น หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว

กรดไหลย้อน คืออะไร?

โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease – GERD) คือภาวะที่ กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และระคายเคืองในลำคอ สาเหตุหลักเกิดจาก หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างทำงานผิดปกติ ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย โดยพฤติกรรมการกินอาหาร เช่น การรับประทานอาหารมื้อดึก ดื่มแอลกอฮอล์ หรือรับประทานอาหารรสจัด อาจกระตุ้นให้อาการรุนแรงขึ้น

อาการที่พบบ่อยของโรคกรดไหลย้อน

อาการของโรคกรดไหลย้อนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่มีอาการหลัก ๆ ที่พบได้บ่อย ดังนี้

  • แสบร้อนกลางอก (Heartburn): อาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก หรือลำคอ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร หรือขณะนอนราบ
  • เรอเปรี้ยว (Regurgitation): มีรสเปรี้ยวหรือขมในปาก เนื่องจากกรดไหลย้อนขึ้นมาถึงลำคอ
  • ระคายเคืองคอและเสียงแหบ: อาจมี อาการไอแห้งเรื้อรังจ็บคอ หรือเสียงแหบ เนื่องจากกรดระคายเคืองกล่องเสียง
  • กลืนอาหารลำบาก: รู้สึกกลืนติดขัดหรือแน่นในลำคอ เนื่องจากหลอดอาหารอักเสบจากกรด
  • แน่นท้อง ท้องอืด และคลื่นไส้: เกิดจากระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้มีลมในกระเพาะมากขึ้น

หากมีอาการเหล่านี้เป็นประจำ ควรปรับพฤติกรรมการกินและพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นกรดไหลย้อน

ปัจจัยหลายอย่างสามารถกระตุ้นให้เกิด กรดไหลย้อน โดยส่งผลต่อการทำงานของ หูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นไปง่ายขึ้น

  • การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม: อาหารรสจัด อาหารมัน คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ สามารถกระตุ้นอาการกรดไหลย้อน
  • พฤติกรรมการกิน: รับประทานอาหารมื้อใหญ่ กินเร็ว หรือกินอาหารมื้อดึก ส่งผลให้กระเพาะอาหารทำงานหนัก
  • ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน: ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ทำให้กรดไหลย้อนง่ายขึ้น
  • สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: ทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างอ่อนแอ และหลั่งกรดมากขึ้น
  • ความเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ: อาจทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากขึ้นเกิดอาการแสบท้องและระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ

เป็นกรดไหลย้อน กินอะไรดี

การเลือกอาหารที่เหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ และช่วยลดการระคายเคืองของหลอดอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ ลดอาหารที่มีไขมันสูง รสจัด หรือมีกรดมาก เช่น

  1. ข้าวโอ๊ต: อุดมไปด้วยไฟเบอร์และช่วยดูดซับกรดในกระเพาะอาหาร
  2. กล้วย: มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ๆ ช่วยลดความเป็นกรดและเคลือบกระเพาะ
  3. ขิง: มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และช่วยลดอาการคลื่นไส้จากกรดไหลย้อน
  4. ผักใบเขียว: เช่น ผักคะน้า ผักโขม และบล็อกโคลี่ มีค่า pH สูง ช่วยลดกรดในกระเพาะ
  5. ไขมันดีจากปลาและถั่ว: เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด และอัลมอนด์ ช่วยลดการอักเสบในทางเดินอาหาร
  6. โยเกิร์ตไขมันต่ำ: มีโปรไบโอติกที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ และลดอาการแสบร้อนกลางอก

ควรแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ เพื่อไม่ให้กระเพาะทำงานหนักเกินไป

ภาวะแทรกซ้อนของโรคกรดไหลย้อน

หากปล่อยให้ โรคกรดไหลย้อน เป็นเรื้อรังโดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง

  • หลอดอาหารอักเสบ (Esophagitis): การระคายเคืองจากกรดทำให้เกิดการอักเสบ และอาจนำไปสู่แผลในหลอดอาหาร
  • แผลในหลอดอาหาร (Esophageal Ulcer): หากอักเสบต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดแผลและมีอาการกลืนลำบากหรือปวดแสบในอก
  • ภาวะหลอดอาหารตีบ (Esophageal Stricture): กรดที่ทำลายเยื่อบุหลอดอาหาร อาจทำให้เกิดพังผืดและทำให้กลืนอาหารลำบาก
  • ภาวะหลอดอาหารของแบร์เร็ตต์ (Barrett’s Esophagus): ภาวะที่เซลล์เยื่อบุหลอดอาหารเปลี่ยนแปลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งหลอดอาหาร

หากมีอาการกรดไหลย้อนบ่อยครั้ง ควรปรับพฤติกรรมการกินและพบแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อน

การป้องกัน โรคกรดไหลย้อน สามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงที่กรดจากกระเพาะอาหารจะไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร

  1. หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น: ลดการกินอาหารมัน ของทอด อาหารเผ็ด คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ ที่อาจทำให้กระเพาะหลั่งกรดมากขึ้น
  2. แบ่งมื้ออาหารให้เล็กลง: รับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อยขึ้น เพื่อลดแรงกดดันในกระเพาะ
  3. ไม่กินอาหารก่อนนอน: ควรเว้นระยะ 3-4 ชั่วโมง หลังรับประทานอาหารก่อนเข้านอน
  4. หลีกเลี่ยงการนอนราบทันทีหลังรับประทานอาหาร: ควรนั่งพักหรือลุกเดินเบา ๆ หลังมื้ออาหาร
  5. ควบคุมน้ำหนักตัว: น้ำหนักเกินอาจเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ทำให้กรดไหลย้อนง่ายขึ้น
  6. เลิกสูบบุหรี่และลดแอลกอฮอล์: บุหรี่ทำให้หูรูดหลอดอาหารอ่อนแอลง และแอลกอฮอล์กระตุ้นให้หลั่งกรดมากขึ้น

วิธีรักษาโรคกรดไหลย้อน

การรักษาโรคกรดไหลย้อนสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรมก่อน หากอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้ยา หรือในกรณีรุนแรง อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

  1. ปรับพฤติกรรมการกิน: หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้น ลดน้ำหนัก และหลีกเลี่ยงการกินก่อนนอน
  2. ใช้ยาเพื่อควบคุมกรดในกระเพาะ: เช่น ยาลดกรด และยาที่ช่วยลดการหลั่งกรด
  3. การรักษาด้วยการผ่าตัด (กรณีรุนแรง): สำหรับผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากกรดไหลย้อน

เป็นกรดไหลย้อน กินยาอะไรได้บ้าง

หากมีอาการ กรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอก หรือเรอเปรี้ยว สามารถใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการได้ โดยยาที่ใช้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก

  • ยาลดกรด (Antacids) เช่น เครมิล (Kremil) ใช้เพื่อลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกและขับลม
  • ยาลดการหลั่งกรด (H2 Receptor Blockers) เช่น ฟาโมทิดีน (Famotidine) ลดการผลิตกรดในกระเพาะ และช่วยลดอาการเรอเปรี้ยว
  • ยากลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) เช่น โอเมพราโซล (Omeprazole) และ เอสโอเมพราโซล (Esomeprazole) ช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
  • ผลิตภัณฑ์เสริมสำหรับกรดไหลย้อน เช่น เมอร์จีล เจล (Mirgeal Gel) ที่มีสารสกัดจาก ชะเอมเทศและบิลเบอร์รี่ ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ลดการระคายเคือง และป้องกันการไหลย้อนของกรด

หากใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม โรคกรดไหลย้อน ทำให้เกิดอาการ แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และระคายเคืองคอ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลในหลอดอาหารหรือมะเร็งหลอดอาหาร วิธีดูแลและป้องกันที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น ปรับพฤติกรรมการกิน ไม่กินมื้อดึก และควบคุมน้ำหนัก หากอาการเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

บทความที่เกี่ยวข้อง

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยจดจำข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้เข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลการลงทะเบียนหรือ log in ข้อมูลการตั้งค่าหรือตัวเลือกที่ท่านเคยเลือกไว้บนเว็บไซต์ เช่น ภาษาที่แสดงบนเว็บไซต์ ที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า เพื่อให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องให้ข้อมูลหรือตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจใช้งานเว็บไซต์ได้ไม่สะดวกและไม่เต็มประสิทธิภาพ
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เเละด้านฟังก์ชั่น

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถวัดผล ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาสินค้า/บริการและเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ประเมิน และพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้โฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหา สินค้า/บริการ และ/หรือ โฆษณาที่เหมาะสมกับความสนใจของท่านได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจได้รับข้อมูลและโฆษณาทั่วไปที่ไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    Cookies Details

Save