ไขข้อสงสัย! ทำไมหน้าฝนเป็นหวัดง่าย? พร้อมวิธีดูแลสุขภาพในหน้าฝนนี้

ทำไมหน้าฝนเป็นหวัดง่าย

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมหน้าฝนเป็นหวัดง่าย? แต่ในขณะอาบน้ำกลับไม่ป่วย ทั้ง ๆ ที่ก็โดนน้ำเหมือนกัน? หากคุณกำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่ และเป็นคนที่ป่วยได้ง่ายหลังโดนฝน ต้องไม่พลาดอ่านบทความนี้! พร้อมวิธีเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงในหน้าฝน มาติตดามกัน!

ดีคอลเจน ชนิดเม็ด (Decolgen tablets) บรรเทาหวัด น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ และเป็นไข้

ทำไมหน้าฝนเป็นหวัดง่าย?

สาเหตุที่ทำให้เราป่วยง่ายหลังจากเปียกฝน มาจากการสัมผัสกับไวรัส และแบคทีเรีย ที่มาพร้อมกับฝน เนื่องจากลม พายุ ได้พัดพาเอาเชื้อโรคต่าง ๆ เหล่านี้ มาติดที่เสื้อผ้าของเราบ้าง ร่างกายเราบ้าง และเมื่อเราสูดอากาศหายใจเข้าไป เชื้อโรคเหล่านี้ก็สามารถเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ ทั้งทางจมูก และปาก เป็นเหตุให้เราป่วยเป็นไข้หวัดได้ง่ายนั่นเอง

นอกจากไวรัส และแบคทีเรียที่มาพร้อมหน้าฝนแล้ว ฝนยังหอบเอากองทัพสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ มาสู่เราอีกด้วย โดยเฉพาะไรฝุ่นที่ชอบอากาศชื้น อาจทำให้มีอาการจาม น้ำมูกไหล คัดจมูก หรือว่าหากเราได้รับฝุ่น เชื้อราในบ้านก็จะเกิดอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจได้

กลุ่มเสี่ยงที่อาจป่วยเป็นหวัดได้ง่ายในช่วฤดูฝน คือ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงวัย เป็นต้น อาจทำให้ป่วยเป็นหวัด มีไข้ 2-3 วัน หรืออาจจะประมาณหนึ่งสัปดาห์ กลุ่มเสี่ยงนี้จึงควรดูแลสุขภาพตนเองให้ดี ด้วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เช่น นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ เป็นต้น

ข้อควรรู้ : ฤดูฝนในประเทศไทย จะเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม (รวมระยะเวลาประมาณ 5 เดือนครึ่ง) พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในฤดูนี้มักเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พายุฤดูร้อน” และหากสังเกตจะพบว่าในช่วงระยะนี้ พบผู้ป่วยเป็นไข้หวัด หรือโรคต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าช่วงต้นปี

ทำไมเราไม่ป่วยหลังจากอาบน้ำเป็นเวลานาน?

บางคนก็อาจสงสัยว่า ทำไมคนเราถึงไม่ป่วยหลังจากอาบน้ำ ทั้งที่ก็โดนน้ำเหมือนโดนฝน? ทั้งนี้ก็เพราะว่า น้ำที่เราใช้อาบกันเป็นปกตินั้น เป็นน้ำที่สะอาด หรือน้ำกรองมาแล้ว ไม่มีเชื้อไวรัสติดตามมาแบบน้ำฝน และการอาบน้ำยังมีประโยชน์ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกทั้งเชื้อไวรัส เชื้อโรค สิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกไปจากร่างกายได้ ช่วยป้องกันโรคไข้หวัดได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำที่เย็นจัด หรือร้อนจัด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวหนังได้ ส่วนใครที่เป็นภูมิแพ้อากาศ ก็ไม่ควรอาบน้ำนานเกินไป เพราะอาจกระตุ้นภูมิแพ้ได้

อ่านเพิ่มเติม -> โรคไข้หวัด VS โรคภูมิแพ้อากาศ ต่างกันอย่างไร?

นอกจากไข้หวัด ฤดูฝนยังนำพาโรคร้ายมาสู่เราได้อีก!

ฤดูฝน ทำให้เกิดปัญหาการติดเชื้อมากมาย เช่น ไข้ไทฟอยด์ โรคดีซ่าน เป็นต้น และยังมีโรคที่มียุงเป็นพาหะ เช่น ไข้เลือดออก โรคชิคุนกุนยา และมาลาเรียก็เพิ่มขึ้นในช่วงมรสุมเช่นกัน และปริมาณน้ำฝนนอกฤดูเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรามากกว่าฝนที่ตกตามฤดูกาล คนส่วนใหญ่จะเป็นหวัด ไอ และมีไข้ หลังจากเปียกฝน

อาการท้องเสีย (ถ่ายมากกว่า 3 ครั้ง ใน 1 วัน) ก็ยังเกิดขึ้นได้บ่อยในช่วงฤดูฝนอีกด้วย เพราะในช่วงหน้าฝนอากาศจะค่อนข้างชื้นกว่าปกติ จึงอาจส่งผลกระทบต่อวัสถุดิบ เครื่องเทศบางชนิดอาจขึ้นรา เกิดเชื้อโรค และปนเปื้อนแบคทีเรียได้ง่ายกว่าปกติ

ไอเทมต้องมีต้อนรับฤดูฝน

หน้าฝนนี้ ควรดูแลสุขภาพอย่างไรดี?

  1. ไม่เดินตากฝน เลี่ยงสถานที่มีน้ำท่วมขัง
  2. หากเปียกฝน ให้กลับบ้านอาบน้ำทันที
  3. ป้องกันตนเองจาก ยุงลาย
  4. เลี่ยงสถานที่แออัด และเสี่ยงต่อการป่วยโรคติดต่อ เช่น ในห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น
  5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  6. ทานอาหารที่มีประโยชน์ มีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เช่น อาหารที่มีวิตามินซีสูง ๆ ผัก ผลไม้ เป็นต้น
  7. พกยาบรรเทาหวัด ลดไข้ หรือมีติดบ้านไว้
  8. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และรักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาด
  9. ไม่อยู่ใกล้คนป่วย หรือใส่หน้ากากอนามัยเสมอ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้
  10. ขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่ขับเร็วขณะที่ถนนลื่น

อาการป่วยแค่ไหน ควรพบแพทย์?

  • ไข้สูงเกินกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเกิน 4 วันขึ้นไป
  • หายใจหอบเหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก และหายใจมีเสียงหวีด
  • เจ็บคออย่างรุนแรง ปวดศีรษะบ่อย
  • พบจุดเลือดออกสีแดงเล็ก ๆ ตามผิวหนัง (สัญญาณของไข้เลือดออก)

อ้างอิง : onlymyhealth

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close