แชร์ประสบการณ์ ตีแผ่ชีวิตพนักงานบริษัทกับอาการกรดไหลย้อน และวิธีดูแลตัวเอง

กรดไหลย้อน เป็นโรคที่หลายคนอาจจะเคยได้ยิน แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว จริง ๆ แล้วคิดผิดเลยค่ะ เราทุกคนมีโอกาสเป็นกรดไหลย้อนได้ง่ายมาก ๆ ยิ่งถ้าต้องทำงานทุกวัน หรือไม่มีเวลาดูแลตัวเองเมื่อไหร่ กรดไหลย้อนได้ถามหาแน่นอนค่ะ

สำหรับตัวเองที่มีประสบการณ์เจอกับอาการของกรดไหลย้อนนั้นเป็นช่วงที่จำได้ไม่ลืมเลย เลยอยากจะมาแชร์ หรือเรียกว่าตีแผ่ชีวิตก็ได้ค่ะ ว่าชีวิตแต่ละวันต้องเจอกับอะไรบ้าง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าประมาท และอย่าใช้ชีวิตแบบอิชั้นเลย

ตอนนั้นเป็นช่วงที่ยุ่งกับงานมากกกกกกก ด้วยงานที่ทำอยู่เป็นงานขาย ที่ต้องมียอด มีเป้าแต่ละเดือน ต้องออกไปเจอลูกค้าแทบทุกวัน ตื่นเช้ามาก็ต้องคิดแล้วว่าวันนี้จะเจอกับอะไรบ้าง ต้องออกไปไฝว้ รบรากับลูกค้าเรื่องอะไร ไม่พอกลับมาออฟฟิศก็เจอหัวหน้า ที่คอยจ้องตามงาน ตามยอดตลอดเวลา เรียกได้ว่าความเครียดรุมเร้าเช้าจรดเย็น

เวลากินข้าวแต่ละวัน อย่าเรียกว่ากินเลยค่ะ เรียกว่ายัดเข้าไปดีกว่า เพราะไม่เคยได้นั่งกินข้าวชิล ๆ เป็นเวลา ไม่ดูแลตัวเองเลย กินบ้างไม่กินบ้าง บางทีรีบ ๆ ไปหาลูกค้า หรือรถติด ๆ ก็กระดกแค่กาแฟแก้วเดียว กระดูกพรวดเข้าไปแทบไม่เคยรู้สึกถึงรสชาติเลย ขอแค่มีคาเฟอีนเข้าร่างกายพอ

กินเยอะ กินรสจัด กินไม่เป็นเวลา กินแล้วนอนเลย

กลางวันก็รีบ ๆ กิน ไม่เคยเลือกอาหารเลย อาหารรสจัด มัน ๆ ทอด ๆ กินได้หมด รีบกินทุกอย่างเพื่อไปทำงานต่อ พอตกเย็นก็ยิ่งกินเต็มเหนี่ยว กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว

ใช้ชีวิตแบบนี้ได้ไม่นานเริ่มมีอาการปวดท้องมาเป็นระยะ ๆ เริ่มปวดแสบร้อนจี๊ด ๆ ขึ้นมาที่หน้าอกลิ้นปี่ ตอนนั้นก็ยังไม่ใส่ใจเท่าไหร่ จนอาการเริ่มหนักขึ้น เพราะกินอะไรเข้าไปก็รู้สึกว่า อาหารไม่ย่อย แล้วแถมที่ทำให้ทนไม่ได้คือมีกลิ่นปาก กลิ่นเรอมีน้ำมีกลิ่นเปรี้ยว ๆ ออกมาด้วย

ช่วงนั้นคือเริ่มเครียด แต่พอไปเสิร์ชกูเกิลก็มั่นใจว่ามีอาการกรดไหลย้อนแน่ ๆ เลย เพราะอาการตรงทุกอย่าง หลังจากอ่านคำแนะนำ ส่วนใหญ่จะบอกว่าให้เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต แต่ถ้ามีอาการแล้วก็ควรทำควบคู่ไปกับการใช้ยาเคลือบกระเพาะอาหารรักษาแผล ยาลดกรดด้วย

เปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารใหม่

หลังจากหาข้อมูลแล้วเราก็เริ่มเปลี่ยน นิสัย พฤติกรรมในการกินทั้งหมด ตอนเช้าจากที่ไม่ค่อยกินอะไร หรือกินแค่กาแฟ ก็ต้องงดกาแฟไปเลยค่ะ กาแฟ น้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้ที่มีกรดก็ต้องงด เราเลือกกินเป็นอาหารเช้าเบา ๆ ย่อยง่าย ไม่มันไม่ทอดแทนค่ะ พวกปาท่องโก๋ ข้าวเหนียวหมูปิ้งนี่เลิกคุยกันค่ะ

บางวันที่รีบมาก ๆ ก็ต้องยอมไปกินบนรถก็ยังดีค่ะ ขอให้ได้กินให้ตรงเวลาทุกมื้อ และเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ก็พยายามกินพวกอาหารคลีนบ้าง หรือเป็นข้าวกล้องที่จะย่อยกว่าข้าวขาวขัดสี

ตัวอย่างอาหารที่เลือกกินในช่วงเป็นกรดไหลย้อนนะคะ อาหารเบา ๆ อย่างเช่น สลัด ต้มจืดผัก หรือถ้าเป็นเนื้อสัตว์ก็จะเป็นพวกปลาค่ะ เพราะจะได้ย่อยง่าย

ปรับเปลี่ยนอาหารการกินใหม่ งดอาหารรสจัด อาหารมัน ทอด แบ่งกินอาหารมื้อเล็ก ๆ

อาหารรสจัดก็ต้องงด เปลี่ยนเป็นกินอาหารรสเบา ๆ จืด ๆ ที่สำคัญคือกินครบทั้ง 3 มื้อให้ตรงเวลาค่ะ หรือจะแบ่งกินเป็นมื้อเล็ก ๆ หลาย ๆ มื้อก็ได้ ถ้ากินมื้อเดียวอาจจะเยอะไปจนทำให้อาหารไม่ย่อย สำหรับมื้อเย็นกินเสร็จ สำคัญมาก ๆ ต้องรอให้อาหารย่อย 3-4 ชั่วโมงก่อนที่จะนอน

เริ่มไปออกกำลังกายมากขึ้น

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายนี่เรื่องยากเลยค่ะ แต่เพื่อร่างกายต้องยอม เพราะว่าเป็นคราวนี้หนักมาก บอกตามตรงว่ากลัวไม่หายค่ะ อะไรที่ว่าดีทำหมดค่ะ เริ่มต้นก็พยายามทำให้ได้สัปดาห์ละ 2-3 วันค่ะ ไปวิ่งบ้าง เข้ายิม ฟิตเนสบ้าง โยคะบ้าง สลับ ๆ ไปค่ะ กลัวเบื่อ แต่สักพักก็เริ่มสนุกค่ะ

เปลี่ยนการใช้ชีวิต
เรื่องการใช้ชีวิตก็จะเปลี่ยนคือเวลากินอิ่ม ๆ เสร็จก็จะไม่นอนทันทีค่ะ คือนอนเล่นก็ไม่ได้นะคะ คือห้ามนอนราบไป ต้องให้อาหารได้ย่อยก่อนไม่เช่นนั้นกรดในกระเพาะอาหารจะไหลย้อนขึ้นมาได้ค่ะ นี่แหละสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเลย

เรื่องเครียดก็ต้องพยายามหาทางผ่อนคลาย ไม่ให้ตัวเองเครียดด้วย หรือพฤติกรรมบางอย่างที่เราไม่รู้มาก่อนอย่างใส่เสื้อผ้ารัด ๆ คาดเข็มขัดแน่น ๆ ก็ห้ามทำค่ะ

ปรึกษาเภสัชกรเรื่องยารักษากรดไหลย้อน
สำหรับเรื่องยา กับอาการกรดไหลย้อน ลองปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา ก็ได้รับคำแนะนำเป็นยาลดกรด และขับลมในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นยาที่ดูแลรักษาได้ในเบื้องต้น โดยเป็นยาเม็ดแบบที่เคี้ยวหรือไม่ต้องเคี้ยวก็ได้ แต่เรื่องยาต้องย้ำว่าลองปรึกษาหมอหรือเภสัชฯ ก่อนนะคะว่ากินได้หรือไม่ หรือกินปริมาณแค่ไหน กินอย่างไร