-
ผู้สร้างกระทู้
-
ปรีชาผู้เยี่ยมชม
เมื่อต้นปี 63 ผมปวดขา ขาบวมข้างเดียว ไปตรวจที่ รพ แห่งหนึ่งได้ทำการอุตร้าซาวดูปรากฏว่า มีเส้นเลือดอุดตันที่ช่วงขาหนีบ ทำให้ขาบวมแข็ง
จากนั้นหมอให้ยา วาฟารินกิน 8 มก.ทุกวันก่อนนอน เริ่มรักษาได้ประมาร 1 เดือน ขาบวมดีขึ้นเรื่อยๆ ทุก แต่ทุกวันนี้ถ้าเดินมากๆ ยกของกนักๆ บริเวณข้างๆขามีเส้นเลือดขอด และจ้ำเขียวเหมือนมีเลือดคลั่งในเส่นเลือด อันนี้เป็นตั้งแต่ต้นปีที่อาการออกใหม่ๆครับ ก็มีอาการตึงๆบ้าง หมอบอกเป็นโรค โปรตีน s เลยต้องกินยา วาฟารินไปตลอดชีวิต ก็กลุ้มใจอยู่ครับ ยิ่งไปอ่านดูขอกว่าโอากาสเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตันในปอด หัวใจ สมอง ยิ่งกลุ้มครับ และถ้าผมมีวินัยในการกินยาทุกวันไม่ขาด มีโอกาสเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดไหมครับ ตอนนี้อายุ 30 ปีครับ กังวลว่าจะอยู้อีกนานไหม ขอบคุณครับ
-
ผู้สร้างกระทู้
-
ผู้เขียนข้อความตอบกลับ
-
GedGoodLifeKeymaster
สวัสดีค่ะ คุณปรีชา
โรคดังกล่าวของคนไข้ คือมีการพร่องของโปรตีน S นั้นจะทำให้เกิด ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติค่ะ จึงต้องรักษาด้วยการใช้ยาวาฟาร์ริน ซึ่งควรรับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงควรได้รับการติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอตามนัดค่ะ ซึ่งหากรับประทานยาและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสน้อยที่จะเกิดลิ่มเลือดอุดตันค่ะ
คนไข้ไม่ต้องกังวลนะคะ และวิธีการดูแลตัวเองแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ทำให้ระดับยาวาฟาร์รินเปลี่ยนแปลงค่ะ ได้แก่ อาหารที่มีวิตามินเค สูง เช่น ชาเขียว ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า แตงกวา กุยช่าย กวางตุ้ง ผักชีฝรั่ง โหระพา กะเพรา บร็อคโคลี่ ผักกาดหอม และ ผลไม้ตระกูลเบอรรี่ องุ่น ลูกพรุน กีวี่ , อาหารหารที่มีวิตามินอี สูง เช่น น้ำมันพืช น้ำมันตับปลา , อาหารเสริมหรือสมุนไพรบางชนิด ได้แก่ โสม ขิง แปะก๊วย กระเทียม
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ใส่เสื้อผ้าสบายๆไม่รัดแน่นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด หมั่นขยับแขน ขา ข้อเท้า และเท้า เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว และหากมีอาการผิดปกติ เช่น มีจ้ำเลือดบริเวณผิวหนัง เลือดกำเดาไหล ไอเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระ/ปัสสาวะมีเลือดปน แน่นหน้าอกหายใจลำบาก ขาบวมร่วมกับมีอาการปวด ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ควรรีบมาพบแพทย์ทันทีค่ะ
-
ผู้เขียนข้อความตอบกลับ