-
ผู้สร้างกระทู้
-
วรัญญาผู้เยี่ยมชม
สวัสดีค่ะ คุณหมอ
ดิฉันอายุ 36 ปี ค่ะ มีอาการปวดหัวบ่อย บางครั้งก็ปวดบริเวณกกหูด้วย ชาตามมือตามเท้าเสมอๆ มีอาการร้อนที่ฝ่ามือเสมอๆด้วยค่ะ
ตอนนี้รู้สึกลิ้นชาปลายๆ นิดหน่อย เลยอยากทราบว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมร่างกายถึงมีอาการแบบนี้ค่ะ เกรงว่าจะเป็นโรคที่รักษายากในอนาคต ถ้าไม่รีบหาสาเหตุให้เจอค่ะ ไม่กล้าไปพบแพทย์เพราะไม่รู้จะบอกยังไงค่ะขอบคุณมากค่ะ
-
ผู้สร้างกระทู้
-
ผู้เขียนข้อความตอบกลับ
-
GedGoodLifeKeymaster
สวัสดีค่ะ คุณวรัญญา
จากอาการปวดศีรษะบ่อย สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น การปวดศีรษะไมเกรน ปวดศีรษะจากการมีไข้ จากความเครียด หรือมีการอักเสบรอบๆศีรษะ เช่น หูอักเสบ ไซนัสอักเสบ กล้ามเนื้อคออักเสบ เป็นต้น โดยหากมีอาการปวดศีรษะ ให้นอนพัก และสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาปวดได้ค่ะ
ในส่วนอาการอาการชาปลายมือและเท้าบ่อยๆนั้น เกิดจากเส้นประสาทที่บริเวณปลายมือ ปลายเท้ามีการอักเสบ เกิดเป็นอาการชา ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ โดยอาจเกิดจากโรคขาดวิตามินบี1 หรือมีการใส่รองเท้าที่รัดเท้าเกินไป ทำให้เลือดหมุนเวียนไม่สะดวก ทำให้มีอาการชาได้ หรืออาจเกิดจากโรคเบาหวาน ซึ่งไปมีผลทำให้เกิดความเสียหายแก่เส้นประสาทบริเวณมือและเท้า จนนำไปสู่อาการชาปลายนิ้ว ทั้งบริเวณนิ้วมือหรือนิ้วเท้าได้ หรืออาจเกิดจากพิษสุราเรื้อรังก็เป็นได้เช่นเดียวกันค่ะ
เบื้องต้นหากยังมีอาการไม่มาก อาจจะเป็นไปได้ว่าเกิดจากการขาดวิตามินบี 1 ค่ะ ดังนั้น ควรรับประทานเสริมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 1 ได้แก่ เนื้อหมู ตับ ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา เมล็ดทานตะวัน มันฝรั่ง เป็นต้น แต่หากมีอาการต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
แนะนำควรพบแทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม รวมถึงวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัดและรักษาจากสาเหตุที่เป็นค่ะ
: คำตอบนี้เป็นการให้การแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล
-
ผู้เขียนข้อความตอบกลับ