มีเสมหะ ระคายคอ กินยาและดูแลตัวเอง อย่างไรดี

13 ก.ย. 24

 

เภสัชกร โชติมา หาญณรงค์
ผู้ชำนาญการด้านเภสัชกรรม

 เสมหะ เป็นสารเหนียวข้นที่ร่างกายผลิตขึ้นเพื่อดักจับและกำจัดสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง แบคทีเรีย ไวรัส และสารระคายเคืองอื่นๆ ออกจากทางเดินหายใจ  ปกติแล้ว ร่างกายจะกำจัดเสมหะออกจากร่างกายโดยการไอ หรือ กลืนลงคอ อาการมีเสมหะ ระคายคอ คันคอ นั้นอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ไข้หวัด โรคภูมิแพ้ หรือ การระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม

สาเหตุที่พบบ่อยของเสมหะ

1. หวัด: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของเสมหะ เกิดจากไวรัสที่ติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ

2. ไซนัสอักเสบ: เป็นการอักเสบของโพรงจมูก เกิดจากแบคทีเรีย หรือ ไวรัส

3. หลอดลมอักเสบ: เป็นการอักเสบของหลอดลม เกิดจากไวรัส หรือ แบคทีเรีย

4. ปอดอักเสบ: เป็นการอักเสบของปอด เกิดจากแบคทีเรีย ไวรัส หรือ เชื้อรา

5. ภูมิแพ้: เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ไรฝุ่น

6. หอบหืด: เป็นภาวะทางเรื้อรังที่ทำให้ทางเดินหายใจอักเสบและตีบแคบลง

7. การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ: เช่น ฝุ่นควัน ควันบุหรี่

แนวทางการดูแลตัวเองเมื่อมีเสมหะ

เมื่อมีเสมหะ สิ่งสำคัญคือต้องดูแลตัวเองให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและกำจัดเสมหะออกไป

1.ดื่มน้ำอุ่นๆ: น้ำอุ่นๆ จะช่วยให้เสมหะเหลวตัวและขับออกได้ง่ายขึ้น จิบน้ำอุ่นๆ บ่อยๆ

2.รักษาความอบอุ่น: สวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่น หลีกเลี่ยงการให้นอนโดนลมพัดลมหรือในห้องแอร์เย็นจัด ปรับอุณหภูมิห้องแอร์
ให้อบอุ่น

3.ใช้น้ำเกลือล้างจมูก: น้ำเกลือล้างจมูกช่วยลดอาการคัดจมูกและช่วยให้น้ำมูกไหลสะดวก ขับเสมหะได้ง่ายขึ้น ใช้หลอดฉีดยา
ล้างจมูก ดูดน้ำมูก ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น

4.ให้นอนหงาย นอนหนุนหมอนสูง: การนอนหงายช่วยป้องกันเสมหะไหลลงคอและช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น

5.ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ: เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศช่วยให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้นและลดอาการระคายคอ

6.หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง: หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ฝุ่นละออง และสารระคายเคืองอื่นๆ

7.การใช้ยา: ยาละลายเสมหะ เช่น ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา

8.พบแพทย์: หากมีอาการมากหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไอเรื้อรัง ไอมาก หายใจลำบาก หอบเหนื่อย น้ำมูก ไข้สูง ซึม
กินอาหารได้น้อยลง หายใจมีเสียงหวีด

อาการไอบ่อยและมีเสมหะเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศสามารถทำให้ระบบทางเดินหายใจของเด็กแพ้ง่ายขึ้น หากมีอาการไอบ่อยและมีเสมหะอยู่ อาจต้องดูแลเรื่องอุณหภูมิและความชื้นในสถานที่ที่ลูกน้อยอยู่ เพื่อช่วยลดอาการที่เกิดขึ้นได้

การดูแลเพิ่มเติมสำหรับเด็ก

1.ให้นอนหงาย นอนหนุนหมอนสูง: ท่าทางนี้จะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น

2.ดูดเสมหะออกจากจมูกของลูกด้วยลูกยางดูดเสมหะ: สำหรับทารก

3.อาบน้ำอุ่นให้ลูกหรือพาลูกไปเดินเล่นในอากาศที่มีไอน้ำ: ช่วยให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้น

4.หากกังวลเกี่ยวกับเสมหะของลูก ควรปรึกษาแพทย์

การใช้ยาสำหรับการดูแลตัวเองเมื่อมีเสมหะ

ยาสำหรับเสมหะ มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีกลไกการออกฤทธิ์และวิธีใช้ที่แตกต่างกัน  การใช้ยาที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับสาเหตุของเสมหะ อาการ และวัยของผู้ป่วย ตัวช่วยบรรเทาอาการไอ มีเสมหะ ระคายคอ มีหลายประเภท แต่ละประเภทจะออกฤทธิ์แตกต่ายาละลายเสมหะ (Mucolytic) เป็นยาที่ใช้เพื่อช่วยให้เสมหะเหลวตัว ขับออกง่ายขึ้น ยาในกลุ่มนี้ เช่น Acetylcysteine, Ambroxol, Bromhexine, Carbocysteine

ยาขับเสมหะ (Expectorants) เป็นยาที่กระตุ้นให้ร่างกายขับเสมหะออกมา ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในทางเดินหายใจ ทำให้เสมหะเหลวและขับออกได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไอมีเสมหะหนืดข้น ตัวอย่างยา Guaifenesin, Potassium guaiacolsulfonate, Terpin hydrate

ยาแก้ไอ ช่วยลดอาการไอ ยาในกลุ่มนี้ เช่น Dextromethorphan

วิธีใช้ยา

อ่านฉลากยาอย่างละเอียดก่อนใช้ ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด แจ้งแพทย์หรือเภสัชกร เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ โรคประจำตัว และแพ้ยา รับประทานยาตามขนาดและเวลาที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ ไม่ควรหยุดยาเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนหยุดยา เก็บยาให้พ้นมือเด็กและแสงแดด

อาการที่ควรพบแพทย์เมื่อมีเสมหะ

โดยทั่วไป อาการเสมหะมักไม่ร้ายแรงและสามารถรักษาให้หายได้ด้วยตัวเองอย่างไรก็ตาม  หากมีอาการต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดอาการไอไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน อาการไอหนักขึ้น มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด  มีอาการซึม ไม่กินอาหาร เด็กอายุต่ำกว่า 3 เดือนมีอาการไอ

การดูแลและรักษาลูกน้อยที่มีอาการไอบ่อยและมีเสมหะ สามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่บ้าน เริ่มต้นด้วยการให้พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รวมถึงรักษาความอบอุ่น ใส่เสื้อผ้าให้เด็กเพียงพอ ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อการรักษาที่เหมาะสม แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมทันที

เอกสารอ้างอิง

1.  American Academy of Pediatrics (AAP): https://www.healthychildren.org/English/tips-tools/symptom-checker/Pages/symptomviewer.aspx?symptom=Cough

2.  National Institutes of Health (NIH): https://newsnetwork.mayoclinic.org/discussion/mayo-clinic-minute-does-your-child-have-walking-pneumonia/ (While this source focuses on pneumonia, it has a good section on cough in children)

3.  Mayo Clinic: https://www.mayoclinic.org/symptom-checker/cough-in-children-child/related-factors/itt-20009075

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

Save