“ไอเป็นเลือด” เกิดจากอะไร เสี่ยงโรคอะไรบ้าง?

ไอเป็นเลือด

ไอ เป็นอาการที่เจอกันได้ในโรคระบบทางเดินหายใจ ทุกคนต้องเคยมีอาการไอกันมาบ้าง ไม่ว่าจะ ไอแห้ง ๆ ไอมีเสมหะ แต่หากอาการไอไม่ได้ปกติเหมือนเคย แต่เกิด ไอเป็นเลือด ขึ้นมา นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายที่กำลังคืบคลานมา

ทำไมเราถึงไอเป็นเลือด ?

ไอเลือดออก (Haemoptysis) คือการไอที่พบเลือดปนออกมา ซึ่งเลือดที่ออกมานั้นมาจากปอดหรือหลอดลม ซึ่งอาการดังกล่าวไม่มีอันตราย ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเสมอไป หากมีเลือดออกมาเล็กน้อย แล้วหายไปเมื่อหยุดไอ แต่การไอเป็นเลือด หากเป็นเลือดที่มาจากอวัยวะอื่น เช่น ทางเดินอาหาร โพรงจมูก คอ อาจจะเป็นภาวะ ไอเป็นเลือดที่เรียกว่า Pseudohemoptysis ซึ่งต้องอยู่ที่การตรวจร่างกายหาสาเหตุต่อไป

ไอเป็นเลือด แบบนี้อันตราย!

– มีอาการไอแล้วเลือดที่ออกมาเป็นสีคล้ำดำ หรือสีคล้ายเลือดหมูเก่า ๆ และมักจะออกมาเป็นก้อนปนกับเสมหะหรือเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง

– ไอเลือดออกปริมาณมาก เช่น ไอครั้งเดียวแล้วมีเลือดสด ๆ ออกมาเกิน 1 แก้วน้ำ หรือ ใน 1 วัน ไอมีเลือดออกเกิน 2 แก้วครึ่ง และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

– ไอออกมาเป็นฟอง มีเลือดเป็นลิ่ม ๆ และมีเสมหะผสม

ไอเป็นเลือด

ไอเป็นเลือด มีแบบไหนบ้าง?

– ไอเป็นเลือดสด อาการไอเป็นเลือด เป็นอาการหนึ่งของวัณโรคปอด โรคหลอดลมพอง เป็นต้น

– ไอปนเลือด มีเสมหะ และเลือดปนกับเสมหะ ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน พบในโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน และเรื้อรัง มะเร็งของหลอดลม ฝีในปอด เป็นต้น

– ไอเป็นสายเลือด มีเลือดเป็นสายปนกับเสมหะ ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน พบในโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน และเรื้อรัง มะเร็งของหลอดลม เป็นต้น

– ไอมีเสมหะเป็นสีสนิม เพราะมีเลือดเก่าๆ ปนมาด้วย พบในโรคปอดบวม เป็นต้น

ไอเป็นเลือด เสี่ยงโรคอะไรบ้าง?

– โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง เป็นอาการที่เกิดจากการไอเรื้อรังมากกว่า 3 เดือน ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ปี สาเหตุมาจาก ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรังจากการสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานาน และการสัมผัสกับมลภาวะเป็นระยะเวลานาน เช่น ฝุ่น ควัน ซึ่งทำให้มีอาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือดได้

– โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีอาการไอปนเลือด มีเสมหะ โดยเลือดจะออกมาปนกับเสมหะแต่ไม่ได้รวมเป็นเนื้อเดียวกัน

– ฝีในปอด โรคฝีในปอดก็เกิดจากการอักเสบภายในเนื้อปอด โดยสาเหตุคือการติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา โดยหากมีฝีในปอด ก็จะมีอาการไอปนเลือดได้เหมือนกัน

– ปอดบวม ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ สาเหตุของไอเป็นเลือดที่พบมากที่สุดคือ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน และการติดเชื้อในปอด หรือปอดบวม ผู้ป่วยจะมีไข้สูงร่วมด้วย อาการไอเป็นเลือดจะดีขึ้น และหายเป็นปกติ เมื่อการติดเชื้อได้รับการรักษา

– โรคหลอดลมโป่งพอง คือ ภาวะที่หลอดลมขยายตัวอย่างผิดปกติ และมีการผลิตเมือกมากในทางเดินหายใจ ผู้ป่วยจะไอเป็นเสมหะค่อนข้างมาก หากทางเดินหายใจอักเสบจะไอเป็นเลือดร่วมด้วย

– วัณโรค วัณโรค ทำให้มีอาการไอเรื้อรังนานมากกว่า 3 สัปดาห์ มีเสมหะเป็นเลือด ไข้สูง นอกจากนี้ ยังมีอาการเหนื่อยง่าย น้ำหนักลด และมีภาวะเบื่ออาหารร่วมด้วย

– โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด คือ ภาวะที่มีการอุดกั้นของหลอดเลือดแดงในปอด ผู้ป่วยมักหายใจลำบากอย่างกะทันหัน เจ็บหน้าอก และในบางรายอาจไอเป็นเลือดร่วมด้วย

– ปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรงเป็นสาเหตุทำให้มีน้ำในช่องปอด ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก อาจมีเสมหะเป็นฟองปนเลือด นอกจากนี้ ปัญหาหลอดเลือดต่าง ๆ อาจทำให้เลือดออกในทางเดินหายใจและปอดได้เช่นกัน แต่ภาวะนี้พบได้น้อยมาก

– มะเร็งปอด อาการไอเป็นเลือดหรือเสมหะเป็นเลือด เป็นอาการหนึ่งของมะเร็งปอด ส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 50 ปี โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่

– เลือดออกในปอด คือการที่มีการตกเลือดอย่างเฉียบพลันจากปอด ทางเดินหายใจส่วนบน หลอดลม หรือถุงลม อาการแรกเริ่มที่พบบ่อย คือ การไอเป็นเลือด หากเป็นรุนแรงจะมีอาการขาดออกซิเจน ทำให้มีออกซิเจนในเลือดต่ำ และมีอาการเขียวคล้ำตามมา

การรักษาอาการไอเป็นเลือด

– ไอเป็นเลือดปริมาณไม่มาก (Nonmassive hemoptysis) อาจจะตรวจร่างกาย ซักประวัติเบื้องต้น วินิจฉัยว่าเป็นเลือดที่ออกมาจากส่วนใด อาจจะให้ยา ให้นอนพัก (Bed Rest) ก็อาจจะหายเป็นปกติได้ หรือหากเอ็กซเรย์เจอความผิดปกติอาจจะต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น CT Scan ตรวจส่องกล้อง เพื่อวินิจฉัย และรักษาตามโรคนั้น ๆ ต่อไป

– ไอเป็นเลือดปริมาณมาก (Massive hemoptysis) รีบไปพบหมอให้เร็วที่สุด หมอจะพยายามช่วยให้สามารถหายใจได้ อาจจะต้องมีการสอดท่อช่วยหายใจ หาตำแหน่งที่เลือดออกพยายามห้ามเลือดที่ออก และทำการตรวจส่องกล้อง ทำการฉีดสี เพื่อหาสาเหตุ และทำการรักษา โดยการให้ยา หรือ ทำการผ่าตัดรักษา

การป้องกันอาการไอเป็นเลือด

  • ดูแลสุขภาพร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • ไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง
  • หลีกเลี่ยงการสูดดมควัน ฝุ่นละออง สารเคมีอันตราย
  • ไม่ปล่อยให้มีอาการไอเรื้อรังนาน ๆ
  • หากมีอาการไอ มีเสมหะ ต้องรีบรักษา

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close