เป็นภูมิแพ้ ควรเลือกกินยังไงดี?

นั่นก็แพ้! นี่ก็แพ้! ชีวิตของคนเป็นภูมิแพ้ มันไม่ใช่จะกินอะไรได้หมด ลำบากจะเลือกกินจริง ๆ นะ… จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า เป็นภูมิแพ้ ควรเลือกกินยังไงดี? ใครที่กำลังมีอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น ภูมิแพ้เรื้อรัง ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ หรือแพ้อาหาร ต้องไม่พลาดเรื่องนี้ มาติดตามกัน!

อัลเลอร์นิค ชนิดเม็ด (Allernix™ tablet) ยาบรรเทาอาการแพ้

เป็นภูมิแพ้ ควรเลือกกินยังไงดี?

สาเหตุของอาการภูมิแพ้เริ่มต้นมาจากระบบย่อย และการดูดซึมที่ไม่ดี โดยอวัยวะสำคัญคือลำไส้เล็ก จะเลือกเฉพาะสารอาหารที่ย่อยได้ดีแล้วเข้าสู่ร่างกายของเรา ถ้าเรากินอาหารที่ไม่ถูก ไม่เหมาะกับร่างกายของเรา ย่อยไม่ดี ลำไส้ของเราก็จะบวม เสียหาย ทำให้สิ่งแปลกปลอม สารพิษต่าง ๆ ซึมผ่านเข้าสู่กระแสเลือด ระบบภูมิคุ้มกันจึงต้องทำงานหนักขึ้น ร่างกายก็จะอักเสบได้

จุดนี้จึงบอกได้ว่า ระบบย่อยจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ ฉะนั้นการที่เราจะดูแลระบบย่อยอาหารให้ย่อยดีแต่แรก มีวิธีดังนี้

  1. เลือกกินอาหารที่ย่อยง่าย สังเกตอาหารว่าอาหารประเภทไหนย่อยดีกับร่างกายเรา ให้เลือกกินอาหารประเภทนั้น
  2. เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน เพื่อให้กระเพาะย่อยได้ง่าย โดยเฉพาะข้าว แป้ง คาร์โบไฮเดรตต่าง ๆ ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
  3. กินตามนาฬิกาชีวิต โดยเฉพาะช่วงเช้า ถึง เที่ยง ร่างกายจะย่อยได้ดีกว่า ช่วงบ่าย ๆ อากาศเริ่มร้อนขึ้น ควรดื่มน้ำเป็นระยะ ๆ ส่วนมื้อเย็นกินแต่น้อย เพื่อให้กระเพาะได้พัก
  4. นวดระบายน้ำเหลือง ถ้าอยากให้หายจากภูมิแพ้ ควรทำให้เลือดกับน้ำเหลืองไหลเวียนดี โดยการออกกำลังกาย หรือเข้าซาวน่า อบตัว เพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ดีขึ้น

การดูแลตนเอง สังเกตร่างกายตัวเอง ให้วินัย กับเวลาที่มีคุณภาพ โรคภูมิแพ้ก็จะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และอีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ห้ามกิน หรือสัมผัสกับสิ่งที่เราแพ้ เพราะ ถ้าเรายังกิน และสัมผัสสิ่งที่แพ้เป็นประจำ ยังไงโรคภูมิแพ้ก็ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหนแน่นอน

6 อาหารกระตุ้นภูมิแพ้ ที่ควรงด!

คนที่มีปัญหาภูมิแพ้เรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง ผดผื่นเรื้อรัง หรือภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพ้อาหารบางชนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบแพ้เฉียบพลัน หรือแพ้อาหารแบบแฝง การงดอาหารที่เราตรวจเจอว่าแพ้ จะช่วยทำให้อาการแพ้เรื้อรังดีขึ้นได้ โดย 5 อาหาร ที่มักกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ของคนไทย มีดังนี้

  1. นมวัว เช่น โยเกิร์ต เนย ชีส
  2. ยีสต์ เช่น เบเกอรี่ เค้ก คุกกี้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  3. ไข่ เช่น ไข่ไก่ ทั้งไข่ขาว และไข่แดง
  4. ถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วอัลมอนด์ ถั่วลิสง
  5. ธัญพืช ที่มีกลูเตนเป็นส่วนประกอบ เช่น ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์
  6. อาหารทะเลต่าง ๆ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลาบางชนิด

เป็นภูมิแพ้ ควรเลือกกินยังไงดี?

5 อาหารต้านภูมิแพ้

  1. ชาเขียว
  2. หอมหัวใหญ่
  3. ขิง
  4. ขมิ้นชัน
  5. ผัก-ผลไม้ต่าง ๆ

ข้อควรระวัง

ในคนไข้บางรายอาจแพ้อาหารดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะ ผัก ผลไม้ ที่มักมาพร้อมสารพิษ สารเคมี ยาฆ่าแมลงปนเปื้อน ก่อนรับประทานจึงควรล้างให้สะอาดถูกหลักอนามัยเสียก่อน และผู้ที่อาการแพ้อาหาร ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถกินอาหารอะไรได้บ้าง แพทย์จะทำการเทสต์ภูมิแพ้ และให้คำปรึกษาที่แม่นยำกับเราได้

อ่านเพิ่มเติม : อาหารต้านภูมิแพ้ เป็นภูมิแพ้ห้ามพลาด!

ข้อควรระวัง! ความเชื่อผิด ๆ ของคนเป็นภูมิแพ้ ที่ทำแล้วอาจต้องเข้าห้องไอซียู

มีคนไข้ภูมิแพ้หลายราย ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อาหาร และคิดไปเองว่าการกินอาหารที่แพ้เข้าไปเรื่อย ๆ ทีละน้อย จะช่วยให้หายแพ้ได้ ถือเป็นความเชื่อที่ผิด ๆ และอาจส่งผลให้ต้องป่วยหนักได้ ในความเป็นจริง แพทย์จะไม่แนะนำให้กินอาหารที่แพ้ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้หายแล้ว ยังส่งผลให้อาการหนักขึ้นอีกด้วย เช่น ทำให้หน้าบวม เจ็บหน้าอก และหนักสุดอาจเสียชีวิตได้

ทางที่ดี หากรู้ว่าแพ้อาหารอะไรแล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เราแพ้ เช่น หากรู้ว่าแพ้กุ้ง แพ้ปู หรืออาหารทะเล ก็ควรหลีกเลี่ยงไม่รับประทานอีก

การใช้ยาแก้แพ้ในระยะยาว อันตรายหรือไม่?

คนไข้หลายคน มักจะกังวลว่า การใช้ยาแก้แพ้ระยะยาวจะทำให้ตัวยาไปสะสมในตับ ในไต จนเกิดอันตรายต่อสุขภาพ… แต่ในความเป็นจริง ยาแก้แพ้ในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสูง แต่ผลข้างเคียงต่ำลงมากเมื่อเทียบกับยุคก่อน

ยาแก้แพ้ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น ยาแก้แพ้ลอราทาดีน เป็นยาแก้แพ้รุ่นที่ 2 ไม่ทำให้ง่วงนอน และกินเพียงวันละ 1 เม็ดเท่านั้น มีความปลอดภัยสูง สามารถรักษาอาการแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ผู้ป่วยภูมิแพ้ควรเข้ารับการตรวจ หรือคำแนะนำจากแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยา เพื่อความปลอดภัยในการเลือกใช้ยาให้ถูกต้องกับอาการนั่นเอง

 

อ้างอิง : 1. หมอเแดง แพทย์แผนไทย 2. คุยกับหมออัจจิมา 3. พบหมอมหิดล

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close