“มั่วเซ็กซ์ ติดกาม” เสี่ยงเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อะไรบ้าง?

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) อาจเรียกว่า “กามโรค” (Venereal disease) เป็นโรคที่สามารถแพร่เชื้อโดยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ กลุ่มเสี่ยงที่จะติดโรค คือ กลุ่มที่ชอบมั่วเซ็กซ์ มีเพศสัมพันธ์ไม่เลือก ไม่รู้จักป้องกัน นอกจากจะทำให้ต้องอาย อยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เป็นที่รังเกียจของสังคมแล้ว โรคเหล่านี้ยังสามารถส่งผลร้ายถึงชีวิตได้ด้วย!!

decolgen ดีคอลเจน

“มั่วเซ็กซ์” เสี่ยงเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อะไรบ้าง?

1. โรคติดเชื้อเอชพีวี

โรคติดเชื้อเอชพีวี (HPV) ไม่ได้เกิดแค่เฉพาะกับผู้หญิง แต่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดกับทั้งชายและหญิง ถึงแม้จะมีเพศสัมพันธ์แค่กับแฟนคนเดียวก็มีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีได้ ถ้าแฟนของคุณไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับคุณคนเดียว แต่มั่วเซ็กซ์ เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย ไม่ใส่ถุงยางอนามัย ไม่ป้องกัน หรือมีเชื้อเอชพีวีอยู่แล้ว

เชื้อเอชพีวี ทำให้เกิดโรคหูดต่างๆ เช่น หูดที่มือ หูดที่เท้า หูดหงอนไก่ และทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก เชื้อเอชพีวีสามารถติดต่อกันทางการร่วมเพศ ทางปาก คอหอย และทวารหนักได้ ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาการติดเชื้อเอชพีวีให้หายขาด ต้องรักษาสุขภาพของร่างกายให้แข็งแรง เพื่อให้มีภูมิต้านทานต่อตัวเชื้อ

2. โรคซิฟิลิส

โรคซิฟิลิส (syphilis) เป็นชื่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เราได้ยินกันบ่อย โรคซิฟิลิสติดต่อกันได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ทางช่องคลอด ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ช่องปาก หรือผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งที่เกิดจากโรคซิฟิลิส

อาการของโรคซิฟิลิสมี 3 ระยะ

– ระยะแรก คือ มีแผลที่ขอบริมแข็ง
– ระยะที่สอง มีผื่นขึ้นทั่วตัว อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ เจ็บคอ
– ระยะที่สาม เป็นระยะที่เชื้อโรคเข้าทำลายอวัยวะภายในที่สำคัญ ซึ่งอาทำให้รู้สึกชา เป็นอัมพาต สมองเสื่อม และรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

โรคซิฟิลิสถ้าตรวจพบในช่วงแรก ๆ ก็มีโอกาสรักษาหายได้ง่าย แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนถึงระยะสุดท้าย อาจจะสายเกินไป

3. โรคเอดส์

โรคเอดส์ (AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทุกคนต้องเคยได้ยิน เป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์เปลี่ยนคู่ไปเรื่อย แล้วไม่ป้องกันด้วย

โรคเอดส์ เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ซึ่งเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลง ซึ่งเชื้อเอชไอวีอาจจะแฝงตัวอยู่ในร่างกายนานหลายปี โรคเอดส์คือระยะร้ายแรงของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้

เมื่อได้รับเชื้อเอชไอวี ในช่วงแรกอาจจะมีอาการคล้ายอาการป่วยทั่ว ๆ ไป เช่น เป็นหวัดคัดจมูก มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย เหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ หากตรวจพบทันก็จะสามารถรักษาได้ทันท่วงทีด้วยยาต้านไวรัส ซึ่งถึงแม้จะไม่หายขาด แต่หากดูแลร่างกายให้แข็งแรงก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติไปอีกนาน

4. เริม

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เริม (Herpes) คือ โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ซึ่งมี 2 สายพันธุ์คือ HSV-1 และ HSV-2 เริมติดต่อกันได้จากการสัมผัสเชื้อผ่านบาดแผล การใช้ของใช้ร่วมกัน หรือทางเพศสัมพันธ์กับคนที่ติดเชื้อเริม เชื้อไวรัสเริมทำให้เกิดอาการเริมที่ปาก และเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งเริมที่อวัยวะเพศส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ HSV-2

สำหรับเริมที่อวัยวะเพศมักแสดงอาการให้เห็นคือ มีอาการคันหรือเจ็บที่อวัยวะเพศ และเริ่มมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนักทั้งผู้หญิงผู้ชาย แผลจะมีลักษณะบวมแดงและเป็นตุ่มใส รู้สึกเจ็บแสบเวลาปัสสาวะ ตุ่มแผลอาจจะแตก มีเลือดออก บางครั้งอาจจมีอาการปวดศีรษะ เป็นไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อด้วย

เมื่อติดเชื้อเริม หากไม่รักษาอย่างถูกต้องหากติดเชื้ออาจลุกลามไปที่อื่น เช่น ไปที่ตาทำให้ตาบอด หรือทำให้สมองอักเสบได้

5. โรคหนองใน

โรคหนองใน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากโรคหนึ่ง โดยโรคหนองในนั้นสามารถติดต่อกันผ่านการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็น ทางปาก ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก โรคหนองในนั้นแบ่งได้เป็นทั้งโรคหนองในแท้ และ หนองในเทียม

– หนองในแท้

เกิดจากเชื้อ Neisseria gonorrhea อาการที่พบในผู้ชายคือมีอาการแสบขัดท่อปัสสาวะเวลาถ่ายปัสสาวะ และมีหนองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ ส่วนผู้หญิงอาจจะมีตกขาวเป็นหนองสีเหลือง แสบขัดเวลาปัสสาวะ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้ผู้ชายเป็นหมัน หรือผู้หญิงปีกมดลูกอักเสบได้

– หนองในเทียม

เกิดจากเชื้อได้หลายตัว แต่เชื้อที่เป็นสาเหตุบ่อยที่สุดคือ Chlamydia trachomatis อาการที่แสดงออกคือปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหลซึมออกจากอวัยวะเพศ โดยหนองจะมีลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น ๆ ไม่เป็นหนองข้นแบบหนองในแท้ และปริมาณหนองจะน้อยกว่าหนองในแท้

โรคหนองในทั้งหนองในแท้ และหนองในเทียม สามารถรักษาได้ด้วยการกินยา แต่ระหว่างรักษาควรงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาโรคหาย และอย่าลืมเตือนคู่นอนของตัวเองให้ไปรักษาด้วย


อาการที่สังเกตได้ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

บางโรคอาจจะไม่แสดงอาการ แต่บางโรคก็แสดงอาการเบื้องต้นชัดเจน สังเกตได้จาก

  • มีอาการเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือปัสสาวะ
  • เจ็บ บวม มีรอยแดง บริเวณอวัยวะเพศ อัณฑะ ช่องคลอด ทวารหนัก ก้น หรือในปาก
  • มีอาการหลั่งผิดปกติ หรือมีเลือดออกจากอวัยวะเพศ
  • มีอาการเจ็บบวมที่อัณฑะ
  • มีอาการคันบริเวณรอบช่องคลอด

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

วิธีป้องกัน

  • ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี
  • ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ไม่มั่วเซ็กซ์ ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ
  • ตรวจร่างกายก่อนแต่งงานเพื่อหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่ถุงยางอนามัย
  • ไปหาหมอเมื่อมีความผิดปกติโดยเฉพาะที่อวัยวะเพศ อย่ากลัว อย่าอาย เพราะถ้าตรวจพบเร็ว ก็มีโอกาสรักษาหายได้

จะเห็นได้ว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งน่ากลัว น่ารังเกียจ และรักษาได้ยากมากทีเดียวใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือ คุณต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองจากโรคเหล่านี้นั่นเอง


ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่

ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…

Facebook : gedgoodlife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter      : @gedgoodlife
Line          : @gedgoodlife
Youtube   : gedgoodlife ชีวิตดีดี
TikTok      : @gedgoodlife

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close