เคล็ดไม่ลับให้คุณหลับสบาย แม้ยามไข้หวัดยังรุมเร้า

เคล็ดไม่ลับให้คุณหลับสบาย แม้ยามไข้หวัดยังรุมเร้า

เมื่อลมหนาวโชยมาอ่อน ๆ ในเดือนสุดท้ายของปี เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกผ่อนคลายหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาตลอดทั้งปี แต่หลายคน อาจยังรู้สึกไม่สดชื่นเท่าที่ควร ตื่นมายามเช้า อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ก็รู้สึกมึนศีรษะ มีน้ำมูกไหล นอนไม่เต็มอิ่ม ซึ่งอาจมาจากอาการของไข้หวัดที่ทำให้เวลานอน ไม่อาจหลับสนิทได้ วันนี้ GedGoodLife จึงขอฝาก เคล็ดไม่ลับให้คุณหลับสบาย แม้ยามไข้หวัดยังรุมเร้า

decolgen ดีคอลเจน

เคล็ดไม่ลับให้คุณหลับสบาย แม้ยามไข้หวัดยังรุมเร้า

1. การอาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน

การอาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย น้ำอุ่นจากฝักบัว จะช่วยให้เสมหะ และน้ำมูกไหลออกมา ทำให้จมูกโล่งขึ้น การหายใจจะคล่องขึ้น

2. การดื่มน้ำอุ่น หรือชาสมุนไพร หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์

เมื่อเป็นหวัด ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น หรือน้ำแข็ง แต่ควรดื่มเป็นน้ำอุ่น หรือชาสมุนไพรแทน เช่น น้ำขิง น้ำเก๊กฮวย ชาดอกคาโมมายล์ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการหวัดแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยกลิ่นธรรมชาติ และทำให้หลับสบาย และหลับลึก อีกทั้งชาสมุนไพร ยังมีสรรพคุณในการแก้ท้องอืด ท้องเฟ้ออีกด้วย แต่ควรค่อย ๆ ดื่มตลอดทั้งวัน และไม่ควรดื่มเยอะก่อนเข้านอน เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึก ซึ่งจะรบกวนเวลานอนได้

การดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนเข้านอน จะขัดขวางการพักผ่อน เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นยาขับปัสสาวะ เพราะมีฤทธิ์ในการยับยั้งฮอร์โมน antidiuretic ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะทำให้ร่างกายไม่ผลิตปัสสาวะมากเกินไป ดังนั้น หากดื่มแอลกอฮอล์ก็จะทำให้ปัสสาวะบ่อย ต้องตื่นกลางดึกบ่อย ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายขาดน้ำ และการนอนไม่มีคุณภาพ

3. การสูดไอน้ำร้อน ใช้ครีม Vapo Rub

การอบซาวน่า หรือการสูดไอน้ำร้อน จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับเมือกเสมหะที่เหนียว และติดอยู่ที่ลำคอและจมูก ไหลออกมา ซึ่งหลังอบซาวน่า หรือสูดไอน้ำร้อนแล้ว จะทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น จมูกโล่ง หายใจคล่องขึ้น และจะช่วยบรรเทาอาการหวัด และไอที่เป็นอยู่ ให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การใช้ครีมประเภท Vapor Rub ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำมันยูคาลิปตัส เมนทอล การบูร ที่ช่วยคลายเมือกที่หนา และเหนียวเหนอะหนะของเสมหะได้ อีกทั้งยังช่วยให้หายใจได้คล่องขึ้น และระงับอาการไอได้ ทำให้หลับสบายขึ้น โดยทาบริเวณหน้าอก และลำคอเท่านั้น หรือหากคนที่ผิวแพ้ง่าย ก็ให้ทาทับบนเสื้อ ไม่ควรทาบริเวณจมูก เพราะอาจส่งผลต่อเยื่อหุ้มจมูกได้

4. จัดเวลานอนให้เป็นเวลา นอนหมอนให้สูงขึ้น

การเข้านอนให้เป็นเวลา จะทำให้ร่างกายได้เรียนรู้ถึงนาฬิกาชีวิต ว่าเวลานี้คือเวลานอน จะทำให้นอนได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรับประทานยาแก้หวัด ซึ่งมีผลทำให้ง่วงอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้หลับง่ายขึ้น

ตามปกติ การนอนราบนั้น จะทำให้เกิดน้ำมูกสะสมในลำคอมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีอาการไอ และกระสับกระส่ายในตอนกลางคืน ดังนั้น การนอนซ้อนหมอนให้สูงขึ้นเพียงแค่ 2 ใบก็เพียงพอ เพื่อให้ศีรษะได้ยกขึ้นเล็กน้อย ก็ช่วยลดการสะสมของเสมหะในลำคอได้ หากซ้อนสูงเกินไปก็อาจทำให้ปวดคอได้

5. การล้างจมูก ลดอาการเจ็บคอด้วยน้ำเกลือ

การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป จะช่วยลดเมือกของเสมหะที่ติดอยู่ที่จมูกโพรงจมูก และลำคอให้ไหลออกมา สามารถทำได้เท่าที่ต้องการ จนรู้สึกว่า เมือกหมดแล้ว หลังทำจะรู้สึกจมูก และลำคอโล่ง หายใจสะดวก และทำให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น

การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ และป้องกันการติดเชื้อ เป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติ และราคาประหยัดในการบรรเทาอาการหวัด และไอ วิธีทำน้ำเกลือก็ง่ายมาก โดยการนำเกลือ (ที่ใช้ปรุงอาหาร) ปริมาณ ¼ – ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 240 ซีซี คนให้เกลือละลายจนหมด และกลั้วคอ โดยให้น้ำเกลือไปถึงส่วนในของลำคอ กลั้นไว้เท่าที่จะทนไหว แล้วค่อยบ้วนน้ำเกลือทิ้ง ทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

6. จัดบรรยากาศในห้องนอน เปิดเครื่องทำความชื้น

สภาพแวดล้อมภายในห้องนอน เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ที่จะช่วยให้หลับได้ดีหรือไม่ ควรรักษาความสะอาดภายในห้องนอนอยู่เสมอ เพื่อป้องกันฝุ่นละออง ที่อาจกระตุ้นให้อาการหวัดกำเริบ อีกทั้ง ไม่ควรเปิดไฟสว่าง หรือมีเสียงดังรบกวนเกินไป เพราะจะรบกวนการนอน ห้องนอนที่ดี ควรเงียบ สงบ และค่อนข้างมืด เพื่อให้การนอนหลับมีความต่อเนื่อง และยาวนานเท่าที่ร่างกายต้องการการพักผ่อนนั่นเอง

ช่วงฤดูหนาว อากาศมักจะแห้ง ซึ่งจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณไซนัสได้ การเปิดเครื่องทำความชื้น จะทำให้ห้องปลอดโปร่งขึ้น และช่วยรักษาอุณหภูมิภายในห้องไม่ให้ร้อนจนเกินไป วิธีนี้แม้ไม่ได้รักษาอาการหวัดโดยตรง แต่ช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น

7. งดมือถือ หน้าจอทุกประเภทก่อนเข้านอน

ก่อนเข้านอน ไม่ควรมีสิ่งกระตุ้นที่ทำให้จิตใจไม่สงบ ดังนั้น ควรงดมือถือ หรือหน้าจอแท็บเล็ต ทุกประเภท เพื่อให้จิตใจสงบ พร้อมที่จะนอน จะทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น แม้ยังอยู่ในอาการหวัดก็ตาม

8. งดรับประทานอาหารก่อนเข้านอน

ก่อนนอนประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก รสจัด จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ลำคอ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการไอ ในระหว่างที่นอนหลับได้ อีกทั้ง อาหารในกระเพาะก็ยังย่อยไม่หมด ก็จะทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ในช่วงเวลาหลับได้

9. ไม่นอนยาวในเวลากลางวัน

ยามไม่สบาย ร่างกายมักต้องการการพักผ่อนเพื่อเยียวยาตัวเอง ซึ่งการนอนกลางวัน ก็ช่วยให้รู้สึกสดชื่น และอาการหวัดก็จะดีขึ้น แต่หากนอนมากเกินไป อาจทำให้นอนไม่หลับในช่วงเวลากลางคืนก็ได้ จึงควรนอนกลางวันแต่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป

10. การบริหารจัดการความเครียดและธุระต่าง ๆ

ความเครียดดูเหมือนจะเป็นของคู่กายของคนในยุคปัจจุบันไปแล้ว หากบอกว่าห้ามเครียด คงเป็นไปไม่ได้ แต่ควรบริหารความเครียดให้อยู่ในระดับที่ไม่ทำร้ายร่างกาย โดยก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง ควรหยุดทำงาน และการจัดการธุระต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวเข้านอน จากนั้น อาจทำสมาธิสั้น ๆ เพื่อให้จิตสงบลงจากความวุ่นวายทั้งวัน และเป็นการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายและจิตใจ ให้เข้าสู่โหมดของการพักผ่อนอย่างแท้จริง

เคล็ดไม่ลับให้คุณหลับสบาย แม้ยามไข้หวัดยังรุมเร้า

อาการหวัดตามปกติจะหายไปเองได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากได้ปฏิบัติตนตามเคล็บลับข้างต้นนี้แล้ว อาจทำให้คุณกลับมาสดชื่นได้อีกครั้ง ภายในเวลาที่สั้นกว่าก็เป็นได้


ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่

decolgen ดีคอลเจน

ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…

Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter      : @gedgoodlife
Line          : @gedgoodlife
Youtube   : GEDGoodLife ชีวิตดีดี
TikTok      : @gedgoodlife

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close