12 พฤติกรรมทำร้ายสมอง เลิกให้ทันก่อนเกินเยียวยา และวิธีดูแลสมองให้มีสุขภาพดีดี

พฤติกรรมทำร้ายสมอง

สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ เตือนหากมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสมองอาจทำให้สมองฝ่อ ส่งผลกระทบต่อความจำ อารมณ์ และพฤติกรรม แนะเลี่ยง พฤติกรรมทำร้ายสมอง มาดูกันว่า จะมีพฤติกรรม หรือนิสัยแบบไหนบ้าง ที่จะทำให้คุณสมองพังก่อนวัยอันควร!

decolgen ดีคอลเจน

ทำความรู้จักกับ สมอง กันก่อน

สมอง (Brain) มีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมคว่ำ เป็นอวัยวะหลักของระบบประสาทมนุษย์ โดยจัดเป็นระบบประสาทกลางเมื่อรวมกับไขสันหลัง สมองประกอบด้วยสมองใหญ่ ก้านสมอง และสมองน้อย สมองทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมสั่งการการเคลื่อนไหว และพฤติกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์

สมองเป็นอวัยวะที่ต้องใส่ใจ เพราะ เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของร่างกาย หากใครมีพฤติกรรมที่ทำร้ายสมองอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้สมองพังก่อนวัยอันควร และก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว!

12 พฤติกรรมทำร้ายสมอง เลิกให้ทัน ก่อนเกินเยียวยา!

ถ้าไม่อยากสมองพัง สมองฝ่อ เป็นอัลไซเมอร์ก่อนวัยอันควร ต้องหยุด! หยุดพฤติกรรมทั้ง 8 เหล่านี้ ก่อนจะเกินเยียวยา

1. ตื่นปุ๊บ เล่นมือถือปั๊บ ทำร้ายสมองโดยตรง!

การเล่นมือถือ เล่นโซเชี่ยลหลังตื่นนอน จะทำให้เราจะถูกถาโถมด้วยข้อมูลข่าวสารมากมาย ทั้งข่าวโรคโควิดระบาด ฝุ่นPM2.5 ข่าวดราม่า เรื่องชาวบ้าน สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเป็นกังวล และเครียดได้

คำแนะนำ : เมื่อตื่นแล้ว ควรทำสมาธิสักครู่ สัก 3 นาที หรือนึกแต่เรื่องดีดีที่ทำให้มีความสุข ทิ้งเรื่องรกสมองไปก่อน

2. นอนหลับไม่เพียงพอ!

หากปล่อยให้นอนหลับไม่พอบ่อย ๆ สมองจะลืมสิ่งที่เคยทำ หรือสิ่งที่คิดว่ากำลังจะทำ ซึ่งแม้แต่การนอนให้มากขึ้นในวันถัดไป ก็ไม่สามารถนำความจำส่วนนั้นกลับมา จนกระทั่งอาจถึงขั้นจดจำการทำอะไรง่าย ๆ ไม่ได้

คำแนะนำ : ไม่ควรเข้านอนเกินสี่ทุ่ม ถึงห้าทุ่ม และควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวันในห้องที่เงียบสงบ เพื่อให้การนอนมีคุณภาพมากที่สุด (deep sleep)

3. หายใจเอามลพิษทางอากาศเป็นประจำ!

สมองเป็นอวัยวะที่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนมากที่สุดในร่างกาย การอยู่ในพื้นที่ที่มีออกซิเจนน้อย หรือในสถานที่ที่มีฝุ่นมาก โดยเฉพาะ ฝุ่นPM2.5 จะส่งผลต่อการทำงานของสมองทั้งในระยะสั้น และระยะยาวได้

คำแนะนำ : เลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีฝุ่นมาก หรือออกซิเจนน้อย และสวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำเมื่อต้องออกไปเผชิญฝุ่นข้างนอก

4. สูบบุหรี่จัด!

ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ นอกจากทำให้เป็นมะเร็งปอดแล้ว ยังทำให้ร่างกาย และสมองได้รับออกซิเจนลดลง และเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง

คำแนะนำ : การสูบบุหรี่ ก่อให้เกิดผลเสียมากมาย ไม่มีประโยชน์เลย จึงควรพยายาม ลด ละ เลิก ให้ได้

5. ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ!

การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพสมองทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ทั้งเรื่องความจำ ความคิด ความเข้าใจ การใช้เหตุผล พฤติกรรมการแสดงออก การเคลื่อนไหว บุคลิก และอารมณ์

คำแนะนำ : ควรลด ละ เลิกแอลกอฮอล์ เช่น ดื่มไม่เกิน 3 วัน ใน 1 สัปดาห์ หรือ เดือนละครั้ง และควรกำหนดปริมาณไม่ให้มากเกินไปในแต่ละครั้ง

6. ไม่ค่อยพูด โลกส่วนตัวสูงเกินไป!

คนที่โลกส่วนตัวสูง หรือคนที่ไม่ค่อยได้เข้าสังคม มีความเสี่ยงที่สมองจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง การพูดน้อย บ่อยครั้งจัดเป็นรูปแบบหนึ่งของภาวะเสียการสื่อความ (aphasia) ซึ่งเป็นความพิการทั่วไปของสมรรถภาพทางภาษา มักเกิดกับความพิการทางเชาวน์ปัญญา และภาวะสมองเสื่อม

คำแนะนำ : ออกไปพบปะผู้คน เพื่อนฝูง พูดคุย โต้ตอบบทสนทนาอย่างสม่ำเสมอ ไม่เก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว

7. ทานแต่เครื่องดื่ม หรือของหวานที่มีน้ำตาลมากเกินไป!

น้ำตาลมันร้าย ทำลายอวัยวะ กระทบถึงสมอง! หลายคนคงทำดีแล้วว่า ถ้าร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปก็จะทำให้เป็น โรคเบาหวาน ได้ และโรคเบาหวาน คือหนึ่งในตัวการทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม (Dementia) ซึ่งเกิดได้หลายช่วงอายุ

คำแนะนำ : เลี่ยงของหวาน หรือเติมหวานให้น้อยลง ง่าย ๆ แค่นี้ ก็จะทำให้ห่างไกลโรคร้ายที่มาพร้อมน้ำตาลแล้ว

8. ไม่ค่อยดื่มน้ำ!

สมองมีน้ำถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ที่คอยหล่อเลี้ยงสมองตลอดเวลา ถ้าดื่มน้ำไม่พอ สมองจะค่อย ๆ แย่ลง ทำให้หัวตื้อ คิดอะไรไม่ออก

คำแนะนำ : ฉะนั้นหลังตื่นนอน ต้องดื่มน้ำก่อน 1-2 แก้ว ก่อนเลยเป็นอันดับแรก เพราะช่วงนอน 7-8 ชั่วโมง ร่างกายไม่ได้น้ำเลย น้ำถูกใช้ไปหมด จึงเป็นเรื่องสำคัญ แล้วรับประทานน้ำให้ได้วันละ 7-8 แก้ว

9. ชอบนอนคลุมโปง!

ใครที่ชอบนอนเปิดแอร์เย็น ๆ แล้วห่มผ้าคลุมโปง ควรรู้ไว้ว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อการหายใจ ลามไปถึงสมอง เพราะการนอนเอาผ้าห่มคลุมโปงจะทำให้อากาศในการหายใจมีจำกัด และไม่ถ่ายเท ส่งผลให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใต้ผ้าห่มมากขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งที่ทำให้สมองของเราด้อยประสิทธิภาพลงได้

คำแนะนำ : ควรนอนหลับในห้องนอนที่มีการถ่ายเทอากาศดี และห่มผ้าถึงช่วงอกก็พอ

10. ความเครียดรุนแรงในชีวิต

สำนักข่าว BBC เผย นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ของสหรัฐฯ ประสบการณ์ที่สร้างความเครียดรุนแรงในชีวิต เช่นการที่ลูกหลานตายจากไป หย่าร้าง หรือถูกให้ออกจากงาน จะทำให้สมองเสื่อมประสิทธิภาพเหมือนแก่ขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อย 4 ปี

คำแนะนำ : พยายามปล่อยวาง ลดความเครียดลง ฝึกนั่งสมาธิ

11. การฝืนร่างกาย ทำงานหนักในวันที่ป่วย!

หากป่วยแล้วแพทย์สั่งให้นอนพัก ก็ควรนอนพัก เพราะการใช้สมองทำอะไรก็ตามในช่วงที่ป่วย สมองจะต้องทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เป็นการทำร้ายสมองทางอ้อมแบบที่เราเองไม่รู้ตัวกันเลย

คำแนะนำ : ปล่อยวาง ปล่อยงาน พักผ่อนเยอะ ๆ ในยามป่วยไข้ ไม่สบาย หายดีก่อน แล้วค่อยลุยงานต่อยังได้

12. การขาดอาหาร และการอดอาหารเช้า!

การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามิน B1, B12, Folic Acid หรือการอดอาหารเป็นประจำ โดยเฉพาะอาหารเช้า มีส่วนทำให้เป็นโรคสมองเสื่อมได้ หรือที่รู้จักกันดีคือ “อัลไซเมอร์”

คำแนะนำ : บำรุงสมองด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง และไม่อดอาหาร โดยเฉพาะอาหารเช้า

พฤติกรรมทำร้ายสมอง

5 พฤติกรรมดีดี ช่วยพัฒนาสมอง!

แพทย์หญิงไพรัตน์ แสงดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า สมองมีความเกี่ยงข้องกับอารมณ์ การเรียนรู้ มนุษย์จึงควรหันมาใส่ใจพฤติกรรมพัฒนาสมอง โดยมี 5 พฤติกรรมดีดี ดังนี้

1. กินดี – คือรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ลดอาหารบางจำพวกโดยเฉพาะอาหารทีมีน้ำตาลสูง ซึ่งจะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง

2. ออกกำลังกายดี – การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายโดยรวม และหลอดเลือดแข็งแรง ไม่มีภาวะน้ำหนักเกิน

3. นอนหลับพักผ่อนดี – การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายมีเวลาพักเพื่อซ่อมแซมตัวเอง ดังนั้นควรมีเวลาพักผ่อนนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

4. คิดดี – การฝึกคิด ฝึกลงมือทำ จะช่วยให้สมองเกิดการเรียนรู้ และพัฒนากระบวนการคิดให้รวดเร็วขึ้น

5. สนทนาดี – การฝึกสนทนาพูดคุยกับคนอื่น ๆ เป็นประจำ สม่ำเสมอ จะช่วยให้สมองได้มีการฝึกฝนแก้ปัญหา

 

จะเห็นได้ว่า สมองเป็นทั้งอวัยวะที่สำคัญสุด ๆ ของร่างกายเรา และยังช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างถูกต้อง การใส่ใจดูแลสุขภาพสมอง จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมร้าย ๆ ที่อาจทำลายสมองด้วยนะ… ด้วยความห่วงใยจาก GedGoodLife

อ้างอิง : 1. สสส. 2. รพ. กรุงเทพ 3. ข่าวสด 4. รพ.รามาธิบดี

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close